20 มี.ค.61 นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ของสำนักงานปลัด กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงความคืบหน้าในการสืบสวน ว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่ากองทุนเสมาพัฒนาชีวิต เปิดบัญชีไว้ 2 บัญชี โดยบัญชีที่ 1 ชื่อ "กองทุนเสมาพัฒนาชีวิต" เป็นบัญชีฝากประจำ ซึ่งเป็นเงินประเดิมกองทุน จำนวน 600 ล้านบาท ให้อำนาจคณะกรรมการกองทุนเสมาฯ ตัดสินใจว่าจะนำเงินส่วนนี้ไปฝากที่สถาบันการเงินใด เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูง ซึ่งที่ผ่านมาจะนำไปฝากไว้กับธนาคารที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูง โดยบัญชีนี้จะระบุว่าให้ใช้แค่ดอกผล ซึ่งปัจจุบันเงินจำนวนนี้ฝากไว้กับธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงศึกษาธิการ
ส่วนบัญชีที่ 2 ชื่อ "กองทุนเสมาพัฒนาชีวิตเพื่อใช้จ่าย" ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากประจำ อยู่ที่ธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงศึกษาธิการเท่านั้น โดยบัญชีจะเป็นบัญชีที่รับเงินดอกเบี้ยจากบัญชีที่เงินสมทบ หรือเงินบริจาคต่างๆ เพื่อนำมาใช้จ่ายในโครงการเสมาพัฒนาชีวิต เพราะฉะนั้น การจ่ายเงินทุกครั้งจะต้องออกจากบัญชีนี้เท่านั้น ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นได้ข้อสังเกตว่าเหตุใดมีการเบิกจ่ายเงินออกไปจากทั้ง 2 บัญชี เพราะโดยหลักการเป็นไปไม่ได้
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า ส่วนที่ยังไม่สามารถตรวจสอบชื่อเจ้าของบัญชีผู้รับโอนเงินได้ทั้งหมด เนื่องจากธนาคารเปลี่ยนใช้ระบบ GIRO ซึ่งเป็นโปรแกรมเบิกจ่ายเงินที่ธนาคารคิดขึ้น โดยไม่มีการระบุชื่อเจ้าของบัญชีผู้รับโอน มีแค่เลขบัญชีและจำนวนเงินที่ธนาคารส่งไปให้เท่านั้น แต่จากการตรวจสอบโดยไล่ดูย้อนหลัง คาดว่าน่าจะมีมากกว่า 22 บัญชี ที่ได้แจ้งความไปก่อนหน้าแล้ว และยังมีบางบัญชีที่ไม่สามารถหาเจ้าของได้ หรือที่ปิดบัญชีไปแล้วอีกหลายสิบบัญชี และในบรรดารายชื่อเจ้าของบัญชีที่ตรวจสอบพบว่าไม่เกี่ยวข้องนั้น บางคนเป็นเจ้าของบัญชีถึง 10 บัญชี
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากข้อมูลบางรายการขาดความชัดเจน ตนจึงจะรายงานต่อ นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัด ศธ.ประสานไปยังธนาคารกรุงไทย เพื่อขอสำเนาการเบิกจ่ายเงิน หรือเสตทเมนท์ทั้งหมด รวมทั้งจะเสนอขอตั้งคณะกรรมการเพิ่มเติม เนื่องจากขณะนี้คณะกรรมการมีเพียง 5 คน ขณะที่เนื้อหาเอกสารข้อมูลที่ต้องตรวจสอบมีจำนวนมาก และต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอาจล่าช้า ขณะเดียวกันต้องการเร่งสรุปผลการสืบสวนข้อเท็จจริงโดยเร็ว เพื่อให้คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยผู้ที่เกี่ยวข้องเสร็จให้ทันภายในวันที่ 30 มี.ค.นี้ เนื่องจาก พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 กำหนดว่าการตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย ผู้เกษียณอายุราชการไปแล้ว จะต้องตั้งไม่เกิน 180 วัน นับจากวันที่เกษียณอายุราชการ ซึ่งกรณีนี้อาจจะมีข้าราชการที่จะเกษียณอยู่ด้วย
"งานนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ เบื้องต้นแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ที่ประมาทเลินเล่อ และกลุ่มผู้ทุจริต ซึ่งกรณีผู้บริหารระดับสูงอาจเข้าข่ายประมาทเลินเล่อ ขณะที่กลุ่มผู้ทุจริต ผมคิดว่าไม่ได้ทำเพียงคนเดียว แต่ไม่ใช่กลุ่มใหญ่ เพราะเรื่องแบบนี้คนยิ่งมาก ความยิ่งแตกไวคงไม่ปล่อยยาวมาถึง 10 ปีได้ นอกจานี้ ผมจะเสนอให้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ สั่งการขยายประเด็นการสืบสวนเพิ่มเติม โดยเฉพาะการโอนเงินเข้าบัญชีสถานศึกษา เพราะตามระเบียบ ศธ.ว่าด้วยกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต พ.ศ.2550 กำหนดให้โอนเงินเข้าบัญชีนักเรียนเป็นรายบุคคล แต่จากข้อมูลที่พบ เช่น ปี 2552 พบว่าเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีสวัสดิการของสถานศึกษานั้นผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ ซึ่งตรงนี้ต้องรายงานมาว่าโอนให้เด็กอย่างไร และดูว่าเงินโอนไปถึงสถานศึกษาหรือไม่ ถ้าสามารถเคลียร์เรื่องนี้ได้เร็ว ก็จะเป็นการสร้างความตระหนัก และทำให้เกิดความระมัดระวังในการตรวจสอบและติดตามให้มากขึ้น ปัญหาแบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น" นายอรรถพล กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี