บอร์ด “ปปท.” ลงมติตั้งชุดไต่สวนข้อหาหนัก “ซี 8” ศธ. ปล้นเงินเด็ก “กองทุนเสมา” ลั่นเป็นไปไม่ได้ลงมือคนเดียว เร่งประสาน ปปง. สอบเส้นทางการเงินไล่ล่า “ไอ้โม่ง” จอมบงการเบื้องหลัง ด้าน “อรรถพล” พบพิรุธเงินถูกสูบออกจากบัญชีหลักที่ถูกห้ามเบิกถอน ชงขอตั้งกรรมการสอบเพิ่ม ห่วงไม่ทันเวลาแก๊งโกงเกษียณอายุราชการทำพ้นผิด
วันที่ 20 มีนาคม มีการประชุมคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) นายกิตติ ลิ้มชัยกิจ ประธานบอร์ด ป.ป.ท. เป็นประธานการประชุม โดย พ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ท. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 ได้เสนอสำนวนกรณีทุจริตกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อขออนุมัติตั้งอนุกรรมการไต่สวนความผิดคดีอาญากับผู้เกี่ยวข้องกรณีดังกล่าว
ปปท.ไต่สวนข้อหาหนัก“รจนา”โกงศธ.
โดย พล.อ.จรัมพร สุระมณี กรรมการ ป.ป.ท. เปิดเผยหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน นางรจนา สินที นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ ระดับ 8 กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยตั้งข้อกล่าวหากระทำความผิดเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์, เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่รักษาทรัพย์ ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานปลอมเอกสาร, เป็นเจ้าพนักงานรับรองเอกสารเพื่อพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต ตามมาตรา 147 ,151, 161,162 และ 157
ลั่นไม่เชื่อแอบลงมือคนเดียว
พล.ต.อ.จรัมพร กล่าวอีกว่า ในชั้นสอบสวน แม้ นางรจนา จะรับสารภาพว่าดำเนินการทุจริตเพียงคนเดียว โดยอ้างกับญาติที่รับโอนเงินเข้าบัญชีว่า เป็นเงินที่ได้จากการทำธุรกิจขายตรงนำไปฝากไว้ แต่ป.ป.ท.ไม่เชื่อว่าการกระทำการทุจริตในวงเงินมหาศาลขนาดนี้จะทำเพียงคนเดียว เพราะจากการตรวจสอบย้อนหลังตั้งแต่ปี 2551-2561 มีงบประมาณกองทุนเสมาฯรวม 176,034,510 บาท โดย นางรจนา ได้ลักลอบยักย้ายถ่ายโอนนำเข้าบัญชีญาติและตัวเองไปได้ถึง 22 บัญชี รวม 87,993,372 บาท จึงไม่น่าเป็นการกระทำเพียงแค่คนเดียว
ประสานปปง.แกะรอยการเงินไล่ล่าไอ้โม่ง
“หลังจากนี้จะต้องไปตรวจสอบย้อนหลังรายชื่อที่มีเงินเข้าบัญชีว่า เป็นบัญชีของบุคคลนั้นจริงหรือไม่ และเงินถูกโอนไปอยู่ที่ใครบ้าง โดยจะเริ่มสอบสวนในปีงบประมาณ 2560 ก่อน ซึ่งมีบัญชีเปิดอยู่ 22 บัญชี และปิดไปแล้ว 22 บัญชี การตรวจสอบจะประสานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ว่ามีความเชื่อมโยงทางการเงินไปยังบุคคลที่สูงกว่าข้าราชการระดับ 8 หรือไม่” พล.ต.อ.จรัมพร กล่าว
พบพิรุธเงินทุจริตไหลออกจากบัญชีหลัก
ด้าน นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการทุจริตกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า กองทุนเสมาพัฒนาชีวิตเปิดบัญชีไว้ 2 บัญชี โดยบัญชีที่ 1 ชื่อ “กองทุนเสมาพัฒนาชีวิต” เป็นบัญชีฝากประจำที่มีเงินประเดิมกองทุน 600 ล้านบาท โดยใช้ประโยชน์ได้เฉพาะดอกเบี้ยที่ได้จากการฝาก
ส่วนบัญชีที่ 2 ชื่อ “กองทุนเสมาพัฒนาชีวิตเพื่อใช้จ่าย” เป็นบัญชีเงินฝากประจำ เพื่อรับเงินดอกเบี้ยจากบัญชีแรก รวมทั้งทั้งเงินสมทบหรือเงินบริจาคที่นำมาใช้จ่ายในโครงการเสมาพัฒนาชีวิต โดยการจ่ายเงินทุกครั้งต้องออกจากบัญชีนี้เท่านั้น แต่การตรวจสอบกลับพบว่ามีเงินไหลออกจากทั้ง 2 บัญชี ซึ่งไม่ควรเป็นไปได้
กระจายโอนเงินมากกว่า22บัญชี
ส่วนที่ยังไม่สามารถตรวจสอบชื่อเจ้าของบัญชีผู้รับโอนเงินได้ทั้งหมดนั้น เนื่องจากธนาคารเปลี่ยนใช้ระบบ GIRO ซึ่งเป็นโปรแกรมเบิกจ่ายเงินที่ธนาคารคิดขึ้น โดยไม่มีการระบุชื่อผู้รับโอน มีแค่เลขบัญชีและจำนวนเงินที่ธนาคารส่งไปให้เท่านั้น แต่จากการตรวจสอบโดยไล่ดูย้อนหลังคาดว่าน่าจะมีบัญชีที่ไม่เกี่ยวข้องมากกว่า 22 บัญชีที่ได้แจ้งความไปก่อนหน้า และยังมีบางบัญชีที่ไม่สามารถหาเจ้าของได้ หรือปิดบัญชีไปแล้วอีกนับสิบบัญชี
เร่งตั้งทีมสอบวินัยสกัดขรก.เกษียณพ้นคดี
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า จากนี้จะเสนอ นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ขอตั้งกรรมการเพิ่มเติมเนื่องจากมีข้อมูลที่ต้องตรวจสอบจำนวนมาก ต้องดูรายละเอียดเป็นรายปี จำนวนคนที่มีอยู่อาจไม่เพียงพอ อีกทั้งต้องการเร่งสรุปผลการสืบสวนข้อเท็จจริงเพื่อตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยผู้เกี่ยวข้องให้ทันวันที่ 30 มีนาคม เพราะ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 กำหนดว่าการตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยผู้เกษียณอายุราชการไปแล้ว จะต้องตั้งไม่เกิน 180 วันนับจากวันที่เกษียณอายุราชการ ซึ่งกรณีนี้อาจจะมีข้าราชการที่เพิ่งเกษียณรวมอยู่ด้วย
ส่อตัดตอนผู้บริหารระดับสูงแค่ประมาท
อย่างไรก็ตาม จากผลสอบสวนในเบื้องต้น คาดว่าผู้กระทำผิดจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ที่ประมาทเลินเล่อ และกลุ่มผู้ทุจริต ซึ่งกรณีผู้บริหารระดับสูงอาจเข้าข่ายประมาทเลินเล่อ ขณะที่กลุ่มผู้ทุจริต ตนคิดว่าไม่ได้ทำคนเดียว แต่ไม่ใช่กลุ่มใหญ่ เพราะเรื่องแบบนี้คนยิ่งมาก ความยิ่งแตกไว คงไม่ปล่อยยาวมาถึง 10 ปีได้
นอกจากนี้ ยังเตรียมเสนอให้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ สั่งการขยายประเด็นการสืบสวนเพิ่มเติม โดยเฉพาะการโอนเงินเข้าบัญชีสถานศึกษา เพราะตามระเบียบของกองทุนนี้ต้องโอนเงินเข้าบัญชีนักเรียนเป็นรายบุคคล แต่จากข้อมูลพบว่ามีการโอนเข้าสถานศึกษา ซึ่งตรงนี้ต้องรายงานมาว่าโอนให้เด็กอย่างไร
ปปท.ยังไม่ฟันเพิ่มทุจริตศูนย์คนไร้ที่พึ่ง
ด้านความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้ ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นั้น พ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ท. เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด ป.ป.ท. ยังไม่มีการพิจารณาตั้งอนุกรรมการไต่สวนศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งในจังหวัดใดเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะมีการนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมวันที่ 22 มีนาคม ซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีกี่จังหวัดที่จะถูกไต่สวน
อีก2สัปดาห์กระชากหน้ากากบิ๊กพม.โกง
ขณะที่ พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการ ป.ป.ท. กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวพบเส้นทางการเงินที่โยงไปถึงตัวข้าราชการระดับสูงของ พม. ว่า มีการสอบสวนไปบ้างแล้ว โดยขอเวลาดำเนินการ 2 สัปดาห์ คาดว่าจะได้ผลที่ชัดเจน ขณะที่การตรวจสอบการทุจริตต่างๆ ทั่วประเทศ ก็คาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ภายในเดือน พฤษภาคม
พม.ฉาวไม่หยุด!เจออีกทุจริตเงินชาวเขา
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ปปช. ได้ตรวจสอบพบการทุจริตงบประมาณของ พม. ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งเป็นการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับเงินอุดหนุนสงเคราะห์ชาวเขา จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ไปแสวงหาข้อเท็จจริง รวมรวมข้อมูล เพื่อเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ไปมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเบื้องต้นพบว่า มีเส้นทางทุจริตที่ชัดเจน น่าจะเอาผิดกับผู้ทุจริตได้
โกงคนจนรูปแบบเดียวกับทุจริตเงินทอนวัด
ส่วนการทุจริตเงินคนไร้ที่พึ่งที่เชื่อมโยงกับศูนย์นิคมช่วยตนเองนั้น ได้สั่งการให้สำนักไต่สวนภาค 3 ไปแสวงหาข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งเบื้องต้นพบว่า การทุจริตมีรูปแบบคล้ายกรณีทุจริตเงินทอนวัดของ สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ซึ่งต้องดูต้นทางการทุจริตว่า มีผู้บริหารระดับสูงเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยขณะนี้ยังเร็วเกินไปหากจะเร่งสรุปว่า มีข้าราชการระดับไหนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง เพราะขั้นตอนการตรวจสอบต้องรอบคอบ และประสานข้อมูลอย่างละเอียดกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี