21 มี.ค.61 ที่ศาลากลางจังหวัดตรัง นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นายวสันต์ ถนอมทรัพย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พ.อ.พิชิต แก้วโชติ รอง ผอ.กอ.รมน.ตรัง นายพงษ์ศักดิ์ คาวรานนท์ ปลัดจังหวัดตรัง นายวิเชียร รัตนโสม เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดตรัง นางพรทิพา อัครสุต อุตสาหกรรมจังหวัดตรัง ร่วมแถลงข่าวประจำสัปดาห์ โดยมีประเด็นกรณีที่มีการร้องเรียนว่ามีการลักลอบขุดดินดูดทรายและขุดดินในพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำตรัง และทั้ง 3 สาย คือ แม่น้ำตรัง,แม่น้ำปะเหลียน และคลองลำพิกุล รวม 5 อำเภอโดยไม่ได้รับอนุญาต และเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องเรียกรับผลประโยชน์ ปล่อยปละละเลย โดยมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นายอำเภอในพื้นที่ที่ร้องเรียนร่วมชี้แจงข้อเท็จจริง
นางพรทิพา อัครสุต อุตสาหกรรมจังหวัดตรัง ในฐานะหน่วยงานผู้ออกใบอนุญาต ชี้แจงว่า การดูดทรายในพื้นที่ที่ได้รับใบอนุญาต รวมถึงการทำนอกพื้นที่เป็นการทำโรงงานเถื่อนที่ทางอุตสาหกรรมจังหวัดกำกับดูแลตาม พรบ.โรงงานเกี่ยวกับการดูดทราย ซึ่งจะต้องดำเนินคดีจับปรับหากรับสารภาพส่งคณะกรรมการเปรียบเทียบปรับ ถ้าปฎิเสธแต่มีตัวการที่ชัดเจนส่งฟ้องศาลต่อไป กรณีผู้ประกอบการทำผิดเงื่อนไขตามอนุญาติ จะมีการสั่งการให้ปรับปรุงทำให้ถูกต้อง ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่ามีการส่งส่วยนั้น ขอยืนยันว่าทางอุตสาหกรรมตรังไม่มีส่วนรู้เห็นได้เสียกับเรื่องดังกล่าว
“กระบวนการขอใบอนุญาต การดูดทรายมี 2 ประเด็นคือ ดูดทรายแม่น้ำ มีคณะกรรมการร่วมพิจารณา 15 หน่วยงานมีผ็ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด เป็นเลขา ช่วยกันพิจารณาความเหมาะสม ก่อนที่อุตสาหกรรมจะออกใบอนุญาติต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการชุดดังกล่าวมาแล้ว หากดูดทรายบก ทรายในที่กรรมสิทธิ์หากผู้ประกอบการมยื่นขอใบอนุญาติประกอบกิจการ ทางอุตสาหกรรมจะพิจารณาในขั้นต้นและส่งเรื่องกรมโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อพิจารณาให้แก่ผู้ประกอบการอีกครั้งหนึ่ง” นางพรทิพา กล่าว
นายวสันต์ ถนอมทรัพย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า ขั้นตอนการดำเนินการนั้นเบื้องต้น ทางอำเภอจะต้องเข้าไปตรวจสอบหากไม่ดำเนินการก็ถือว่าไม่ตั้งใจปฎิบัติหน้าที่ หรือว่าละเว้น ถ้าละเว้นจะมีบทลงโทษตามบทบาทหน้าที่ของแต่ละคน เช่นเกิดขึ้นในอำเภอ แต่นายอำเภอไม่ทราบว่าพบการลักลอบดูดทราย ได้มีการมอบหมายหรือไม่ ว่ากันไปตามระเบียบ เป็นมาตรการถ้ามีการสอบสวนและลงโทษ บ่งบอกว่าต่อไปถ้ามีการละเว้นไม่ปฎิบัติตามหน้าที่ก็จะถูกลงโทษ ดังนั้นคนรับผิดชอบจะต้องพึงระมัดระวัง
“เรื่องของการอนุญาตเมื่ออุตสาหกรรมออกใบอนุญาตไปแล้ว ในกฎหมายระบุไว้หรือไม่ว่าต้องไปตรวจสอบ สุ่มตรวจ ซึ่งรับผิดชอบเรื่องใบอนุญาต กำกับดูแลการดูดทรายถ้าไม่ปฎิบัติหน้าที่จะเข้าข่ายละเว้นหรือไม่ ในส่วนของผู้ประกอบการถ้าได้รับอนุญาติให้ดูดในพื้นที่เอกสารสิทธิ แต่ไปทำล่วงล้ำนอกเขตเอกสารสิทธิ์ ก็ถือว่ากระทำความผิดต้องถูกลงโทษตามระเบียบและรับผิดชอบทางอาญาและแพ่งแล้วแต่กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เมื่อได้รับใบอนุญาตไปแล้วก็ต้องกระทำตามข้อบังคับ ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวทางจังหวัดตรังมีความชัดเจนถึงบทลงโทษคนที่กระทำความผิดทุกกระบวนการ” นายวสันต์ กล่าว
พ.อ.พิชิต แก้วโชติ รอง ผอ.กอ.รมน.ตรัง กล่าวว่า หลังจากที่ทางหน่วยงานรับผิดชอบจะมีมาตรการชัดเจนอย่างไร ในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก ที่ผ่านมาตนเคยเสนอให้มีการแต่งตั้งชุดเฉพาะกิจดำเนินการ หากปล่อยให้มีการต่างคนต่างตรวจสอบจะเกิดการสมยอมกันได้ เช่น ทางอุตสาหกรรมเมื่อออกใบอนุญาตไปแล้ว ได้มีการติดตามตรวจสอบผู้ประกอบการได้ทำในพื้นที่หรือไม่ ถือว่าเป็นการกำกับดูแล หากไม่ลงไปตรวจสอบจะถือว่าเป็นการละเลยหรือไม่ รวมถึงหน่วยงานที่เกียวข้อง ถ้าทำกันอย่างนี้ตนถือว่าเป็นเพียงไฟไหม้ฝาง การกระทำผิดที่เกิดขึ้นจะโยนภาระให้ทางตำรวจก็คงไม่ไหว พูดง่ายๆว่าจะต้องจับผู้กระทำความผิดให้ได้
“ผมอยากให้ทางทหารลงพื้นที่ไปทุกครั้งในการปฎิบัติการ ลงไปตรวจสอบทุกพื้นที่ เพื่อจะได้ข้อมูลที่ชัดเจน เพราะที่มีการร้องเรียนมานั้น มีการกระทำความผิดกันทั้งนั้น เมื่อมีความผิดเกิดขึ้น จะไล่ใครไปถึงไหนไม่ใช่ทำเพียงผ่านๆ ก็รู้ๆกันอยู่ มีความเกรงใจ รู้ว่าใครทำแต่ไม่ดำเนินการอย่างจริงจัง ขอให้ชัดเจน กอ.รนม.ตรัง ได้รับหน้าที่ลงมาตรวจสอบ หากมันยังนิ่งๆกันอยู่ ผมมีความจำเป็นที่จะต้องเข้าทำเอง แม้จะเกิดปัญหาบ้างแต่อยากให้เกิดความชัดเจน” พ.อ.พิชิต กล่าว
ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง แถลงว่า เมื่อตนทราบเรื่องว่ามีการลักลอบขุดดินและดูดทรายในพื้นที่จังหวัดตรัง 5 อำเภอ ได้สั่งการให้นายอำเภอลงไปตรวจสอบ ตนไม่ทราบเลยว่ามีการลักลอบดูดทรายกันอย่างไร ส่งส่วยกันอย่างไร จึงมอบหมายให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดตรัง ที่เป็นเลขาฯชงเรื่องมาให้ดู เรื่องดูดทรายตนยังไม่เคยให้อนุญาตใครเลยสักใบ ส่วนเรื่องที่มีการกล่าวอ้างว่ามีการส่วยนั้น ตนเองก็ไม่เคยทราบมาก่อน ยืนยันว่าไม่มีใครจ่ายเงินให้ตน ถึงจะจ่ายตนก็ไม่รับ การทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการลักลอบทำสิ่งผิดกฎหมายเป็นการเอาเปรียบสังคม เรื่องนี้ตนจะดำเนินการอย่างชัดเจน ไม่มีการละเว้น ตนในฐานะเจ้าพนักงานก็ต้องรับผิดชอบไปตามสัดส่วน การดำเนินการตรวจสอบอยู่ที่หน่วยงานแต่ละหน่วยต้องดำเนินการ
นายศิริพัฒ กล่าวอีกว่า ถ้าพบเครื่องจักรทิ้งอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ได้ขออนุญาต อุตสาหกรรมจะต้องหาตัวผู้กระทำความผิดและลงโทษตามกฎหมายอุตสาหกรรม ถ้าเป็นพื้นที่ที่ได้รับใบอนุญาตถูกต้องแต่ทำเกินขอบเขตที่ดิน ทางที่ดินต้องรับผิดชอบ ถ้าเป็นแม่น้ำลำคลอง หนองบึง ที่ไม่ได้รับอนุญาต ป่าไม้และเจ้าท่าภูมิภาคต้องดูคู่กับ การสอบจะต้องสอบทั้งในกรณีที่คนกระทำความผิด ในขณะเดียวกันผู้บังคับบัญชาก็ต้องสอบเจ้าหน้าที่ละเว้นปฎิบัติหน้าที่หรือไม่ และสรุปรายงานมายังผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นขั้นเป็นตอน จะไม่มีการปล่อยให้มีการแล้วๆกันไป การตรวจสอบภายใน 10 วันน่าจะแล้วเสร็จ
“หากมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ช่วยกันเอง เมื่อตรวจสอบพบความจริงจะมีโทษหนักขึ้น คงไม่มีใครกล้า ตนเองมีความชัดเจนเรื่องนี้ บางอำเภอตอบว่าไม่มีแต่อย่างใด ตนจึงสั่งการเป็นรายลักษณ์อักษรให้นายอำเภอตรวจสอบพร้อมทั้งส่งเจ้าหน้าที่ทางจังหวัดลงไปตรวจสอบด้วย ผมเชื่อว่ายุคนี้คนทำผิดก็ต้องกล้ารับผิด ที่ผ่านมามีการตรวจสอบปริมาณการดูดทรายกันอยู่เพียงแต่ไม่ได้บรรจุไว้ในปฎิทินว่าทำเมื่อไหร่ หน่วยงานรับผิดชอบจะต้องชี้แจงอยู่แล้ว ความผิดที่เกิดขึ้นหากได้รับอนุญาติแต่ไปทำนอกพื้นที่ถือว่าไม่ปฎิบัติตามใบอนุญาติ ก็ต้องยึดใบอนุญาติลงโทษตามกฎหมายกำหนดโดยหลักการ” นายศิริพัฒ กล่าว
อย่างก็ตาม จาการชี้แจงข้อเท็จจริงการลักลอบดูดทรายผ่าน นายอำเภอทั้ง 5 อำเภอ พบร่องรอยการดูดทรายนี้ อ.ห้วยยอด มีการดูดทรายตลอดริมแม่น้ำตรัง 3 ต. คือ ต.เขากอบ 3 จุด (ยกเลิก 2 จุด) ต.นาวง 3 จุด ต.ปากคม 3 จุด ต.ปากแจ่มดูดทรายในลำคลอง อ.เมือง หมู่ 2 ต.นาท่ามใต้ หมู่ 5 ต.หนองตรุด อ.ปะเหลียน คลองลำปลอก หมู่ 6 และ หมู่ 4 ต.ปะเหลียน อ.ย่านตาขาว 5 จุด อ.วังวิเศษ 2จุด หมู่6 และ หมู่ 9 ต.ท่าสะบ้า การเข้าตรวจไม่พบอุปกรณ์เครื่องมือใด มีการลงบันทึกประจำวันและแจ้งความดำเนินคดีไปตาม สภ.ในพื้นที่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี