จากการตรวจสอบการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ของสำนักงานปลัด กระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) ที่พบว่ามีการโอนเงินของกองทุนเสมาฯในโครงการเข้าบัญชีของบุคคลอื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตั้งแต่ปี 2551 - 2561 เป็นเงินกว่า 88 ล้านบาท ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้อง 5 ราย โดยจำนวนนี้มี 1 ราย เป็นข้าราชการระดับ 8 ซึ่งรับสารภาพแล้วนั้น และฝ่ายนิติกรของ สป.ศธ.กำลังเตรียมการสรุปรายละเอียดเพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.สป.) ที่มีปลัด ศธ.เป็นประธาน ในวันที่ 26 มี.ค.นี้ เพื่อพิจารณาโทษทาววินัยร้ายแรงแก่ นางรจนา สินที แล้ว และล่าสุด คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนการโกงเงิน "กองทุนเสมาพัฒนาชีวิต" โดยพบว่าข้าราชการซี 8 ที่ทำเอกสารใช้ในการทุจริตยักยอกเงินกว่า 88 ล้านบาทดังกล่าว ในช่วงเวลา 10 ปี เบื้องต้น ป.ป.ท.ได้แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีอาญา 5 ข้อหา แก่นางรจนา แล้วนั้น
ความคืบหน้าวันนี้ (21 มี.ค.) นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) กล่าวว่า วันนี้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีหนังสือมาขอความร่วมมือจากตน โดยขอรับทราบเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตรวจสอบต่างๆเกี่ยวกับการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต เช่น ตัวผู้ที่เกี่ยวข้องในการทุจริตว่ามีใครบ้าง และทาง สป.ศธ.ได้ดำเนินการอะไรบ้าง และดำเนินการไปแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกันนี้ ตนได้มอบให้นิติกร สป.ศธ.ออกคำสั่ง เพื่อเสนอให้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศธ.เซ็นตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงความผิดทางละเมิด กรณีที่นางรจนา ข้าราชการระดับ 8 ศธ.ทำการละเมิดทางการเงิน นอกจากนี้ สป.ศธ.ก็ได้รวบรวมข้อมูลไปให้ ทาง ปปง.และ ป.ป.ท.ซึ่งมีอำนาจเรียกเอกสารได้มากกว่า ดังนั้น ตนก็จะส่งขั้นตอนการหาข้อมูล และการสืบสวนข้อเท็จจริงให้ไปดำเนินการต่อ
ส่วนกรณีท่ีมีผู้บริหารเซ็นอนุมัติการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ นั้น หากกรรมการคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตรวจสอบพบว่ามีความเกี่ยวข้องในจุดใด หรือมีส่วนในการบริหารผิดพลาดอย่างไร ก็ต้องยอมรับตามนั้น แต่ก็ต้องดูจากหลักฐานและการทำงานว่าได้มีการตรวจสอบสม่ำเสมอหรือไม่ หรือปล่อยปะละเลยจนทำให้เกิดการทุจริตเกิดขึ้นได้
ปลัด ศธ.กล่าวต่อว่า ในวันที่ 26 มี.ค.เวลา 13.00 น.จะมีการประชุมคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงข้าราชการระดับ 8 ที่รับสารภาพการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตแล้ว จะมีการลงโทษทางวินัยร้ายแรงซึ่งก็มีอยู่สองกรณี คือ ปลดออก และไล่ออก ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาฯ โดยคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงก็ต้องดำเนินการไปตามบทบาทหน้าที่ และภายหลังจากที่ อ.ก.พ.สป.ดำเนินการทางวินัยแล้วก็จะไปดำเนินการในส่วนอื่นต่อไป และตนก็ได้ประสารไปยังธนาคารกรุงไทย เพื่อขอข้อมูลทางการเงิน
อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์หน้าตนจะทำหน้งสือเชิญบอร์ดคณะกรรมการเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต เพื่อประชุมหารือการนำเงินกองทุนเสมาฯ มาใช้ เนื่องจากขณะนี้เริ่มมีเด็กขอทุนภาคการศึกษาใหม่เข้ามาแล้ว และส่วนที่จะต้องเยียวยา รวมถึงหาเงินที่จะใช้ในการจ้างครูสอนในโรงเรียนการศึกษาพิเศษ ของ สพฐ.และหารือถึงแนวทางในการบริหารเงินกองทุนเสมาฯ ว่าจะต้องมีการปรับปรุงอย่างไรหรือไม่
ด้าน นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมหลังจากกระประชุมคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ครั้งที่ 3 ว่า การประชุมวันนี้อยู่ในช่วงการจัดรวบรามเอกสารหลักฐานพยายานเพิ่มเติม ในส่วนจะมีการเชิญข้าราชการระดับ 8 หรือข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้อำนวยการสำนัก รองปลัด ศธ.และปลัด ศธ.เข้ามาชี้แจงรายละเอียดหรือไม่นั้น ตอนนี้ขอตรวจสอบเอกสารให้ครบถ้วนก่อน
นายอรรถพล กล่าวด้วยว่า ขณะนี้การตรวจสอบคืบหน้าไปมาก โดยไล่ตรวจสอบเอกสารย้อนหลังถึงปี 2552 , 2553 , 2555 และอยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารที่เหลือ แต่จากข้อมูล 3 ปีข้างต้น ทำให้พบว่ามีการนำเลขบัญชีธนาคารผู้อื่นมาแอบอ้าง เป็นบัญชีของสถานศึกษาผู้รับโอนและทำบันทึกเพื่อขออนุมัติแต่ต้น และจากที่ตรวจสอบพบว่าการดำเนินการขออนุมัติใน 2 ลักษณะ คือ ขออนุมัติหลักการจากมติที่ประชุมเพื่อขออนุมัติจ่าย และขออนุมัติจ่ายเงินเพื่อโอนเงินเข้าธนาคาร ซึ่งการอนุมัติขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจอนุมัติทั้งหมดในคราวเดียว หรืออนุมัติเห็นชอบหลักการและมอบอำนาจผู้มีอำนาจในระดับล่างอนุมัติเบิกจ่าย
"ดูข้อมูลเบื้องต้นแค่ 3 ปี ทำให้เห็นว่ามีการนำเลขที่บัญชีธนาคารผู้อื่นมาแอบอ้าง เป็นบัญชีของสถานศึกษาผู้รับโอนไม่ใช่การแปลงสารที่หลัง ส่วนการโอนเงินไปยังบัญชีสถานศึกษานั้นตามระเบียบ ศธ.ว่าด้วยกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต พ.ศ.2550 ไม่ได้เปิดช่องให้โอนไปยังสถานศึกษา แต่กำหนดให้โอนไปยังบัญชีนักเรียน แต่หากโอนไปสถานศึกษาแล้วดำเนินการโอนต่อยังบัญชีนักเรียนถูกต้องก็ไม่มีปัญหา ดังนั้น จึงจะได้เสนอให้ นพ.ธีระเกียรติ ประสานให้มีการขยายผลการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว" นายอรรถพล กล่าว
นายอรรถพล กล่าวต่อไปว่า ส่วนบัญชีกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ทั้ง 2 บัญชีนั้น คณะกรรมการสืบสวนฯ จะดำเนินการตรวจสอบสถานะปัจจุบันด้วย โดยขณะนี้มีคำถามว่าบัญชีที่มีเงินฝาก 600 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในบัญชีที่ 1 เป็นบัญชีฝากประจำนั้น ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าเงินจำนวนนี้ยังอยู่ เพราะกำหนดชัดเจนว่าให้ใช้แค่ดอกเบี้ยของกองทุนเท่านั้น เพียงแต่ต้องไปตรวจสอบก่อนว่าปีล่าสุด คือ ปี 2561 นี้ บัญชีนี้ฝากไว้ที่ธนาคารใด เพราะสามารถหมุนเวียนไปฝากในสถาบันการเงินที่ให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงได้
ขณะเดียวกัน เพิ่งพบว่ามีการไปเปิดบัญชีที่ 3 ชื่อ "กองทุนเสมาพัฒนาชีวิตเพื่อรับดอกเบี้ย" เป็นบัญชีเงินฝากประจำ ซึ่งตรงนี้ยังไม่ชัดเจนว่าใครเป็นผู้เปิด และมีเงินเท่าใด หรืออยู่ที่ธนาคารใด แต่เปิดมาเพื่อรับโอนดอกเบี้ยจากบัญชีที่ 1 จึงต้องค้นหาเอกสารเพื่อตรวจสอบ ขณะเดียวกัน ระเบียบฯ กำหนดไว้ว่ารัฐจะมีการจัดสรรอุดหนุนให้แต่ละกองทุน โดยจะไปตรวจสอบเพิ่มเติมว่าที่ผ่านมากองทุนเสมาฯ ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐมาเท่าไร และนำไปใช้ดำเนินการอะไรบ้าง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี