ปปง.-ปปท.บุกค้นบ้านซี8ศธ.
โกงทะลุ100ล้าน
เงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต
เจอเอกสารฉีกยัดใส่ถุงดำอื้อ
ซุกในรถ-ตู้เอกสารรอทำลาย
ยึดคอมพิวเตอร์ไว้ตรวจสอบ
เร่งขยายผลเช็คเส้นทางการเงิน
ป.ป.ท.-ปปง.-ปอท.บุกค้นบ้าน “ซี 8 ศธ.” โกงงบ“กองทุนเสมาพัฒนาชีวิต” เจอบัญชีธนาคาร สลิปเงิน ประวัตินักเรียนที่ได้ทุน แฟ้มเอกสารกองทุนย้อนหลังถึงปี’40 รวมถึงเอกสารถูกฉีกทำลายใส่ถุงดำ 2 ถุง เจ้าตัวยอมรับเตรียมนำไปทำลาย เจ้าหน้าที่ยึดไว้เป็นหลักฐาน รวมถึงเซิร์ฟเวอร์คอมพ์มาตรวจสอบ เร่งขยายผล ไม่เชื่อทำแค่คนเดียว
เมื่อเวลา 06.40 น. วันที่ 23 มีนาคม พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) พร้อมพ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 สนธิกำลังเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และตำรวจ สน.ดอนเมืองประมาณ 20 คน เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 310/926-927 หมู่บ้านปิ่นเจริญ 3 ถนนสรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. บ้านพักของนางรจนา สินที นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา ระดับ 8 กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)ที่เกี่ยวข้องกับกรณีทุจริตกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต มูลค่ากว่า 88 ล้านบาท
โดยพ.ต.ท.สิริพงษ์กล่าวว่า คดีนี้เลขาธิการ ป.ป.ท. มีนโยบายให้ทำงานเชิงรุก หลังบอร์ด ป.ป.ท. มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนความผิดนางรจนาตั้งข้อกล่าวหา 5 ข้อหา ได้ขอหมายค้นเข้าตรวจค้นเพื่อเก็บพยานหลักฐาน เนื่องจากกรณีนางรจนา มีเหตุต้องสงสัยว่าเป็นเพียงข้าราชการระดับ 8 แต่สามารถใช้ช่องว่างทุจริตต่อเนื่องนานกว่า 10 ปี สร้างความเสียหายให้ระบบราชการ โดยจากการตรวจสอบพบการทุจริตตั้งแต่ปี 2550 มูลค่าความเสียหาย 88 ล้ายบาท และตรวจพบความเสียหายเพิ่มเติมในปี 2551 และ 2553 เป็นเงิน 30 ล้านบาท ทำให้ยอดรวมการทุจริตจนถึงขณะนี้เป็นเงินมากกว่า 100 ล้านบาท จึงน่าสงสัยว่าจะมีผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตครั้งนี้ ขณะที่สภาพบ้านพักค่อนข้างทรุดโทรม จึงเป็นประเด็นต้องสงสัยถึงเส้นทางการเงิน
พ.ต.ท.สิริพงษ์กล่าวต่อว่า เบื้องต้นพบเส้นทางการเงินที่ได้จากการทุจริต นำไปเข้าในบัญชีบุคคลต่างๆ ตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบันแล้ว แต่อยู่ระหว่างขยายผลว่าเงินไหลออกไปจุดใดบ้าง ที่สำคัญในคดีมีข้อสงสัยว่าการอนุมัติทุนการศึกษาทำในรูปของคณะกรรมการ มีผู้ร่วมพิจารณาจำนวนมาก เหตุใดจึงมีทุจริตเพียงคนเดียว โดยไม่พบร่องรอยของผู้ร่วมพิจารณารับรู้เรื่องด้วย สำหรับผู้ที่มีชื่อรับเงินจากนางรจนาต้องเสนอให้บอร์ด ป.ป.ท.ตั้งอนุกรรมการไต่สวน เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางถึงบ้านพักของนางรจนา ได้แสดงหมายค้นเลขที่ 2/2561 และ 3/2561 ลงวันที่ 22 มีนาคม ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอเข้าตรวจค้นหลักฐานนำมาประกอบการไต่สวนมูลฟ้อง และหลักฐานอื่นอันเป็นเหตุสงสัยว่าใช้เพื่อทำความผิด โดยสภาพบ้านเป็นทาวเฮ้าท์ทรุดโทรม 2 หลังเชื่อมติดกัน มีการนำผ้าม่านและสังกะสีปิดซ้อนกับประตูรั้วอย่างมิดชิด บริเวณหน้าบ้านและดาดฟ้าของบ้าน กันพื้นที่ไว้ปลูกผักสวนครัวคล้ายเป็นคนสมถะ โดยบ้านหลังดังกล่าวมีผู้อยู่อาศัยร่วมด้วยประมาณ 3-4 คน
เมื่อนางรจนาออกมาเห็นเจ้าหน้าที่ ก็มีสีหน้าเคร่งเครียด พ.ต.ท.สิริพงษ์แสดงหมายค้น และชี้แจงทำความเข้าใจกับนางรจนาประมาณ 20 นาที ซึ่งนางรจนาโทรศัพท์หารือกับทนายความก่อนอนุญาตให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.เข้าตรวจค้นเก็บหลักฐาน โดยใช้เวลานานเกือบ 5 ชั่วโมง
จากการตรวจค้นในบ้านพบแฟ้มเอกสารจำนวนมากเก็บในตู้เก็บเอกสารในโรงรถหน้าบ้าน สมุดบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม เมื่อตรวจค้นรถยนต์ 3 คัน 2 คันแรกเป็นรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค และฮอนด้า แอคคอร์ท ไม่พบหลักฐานต้องสงสัย ส่วนรถยนต์อีกคันยี่ห้อมิซูบิชิ จี-แวกอน สีน้ำเงิน ทะเบียน ศส 6116 กทม. ซึ่งจอดคลุมผ้าคลุมอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้าน สอบถามนางรจนาทราบว่า เป็นรถของตัวเอง จึงเปิดรถตรวจค้นพบเอกสารถูกฉีกทำลายอยู่ในถุงขยะสีดำ 2 ถุงใหญ่ วางอยู่ด้านล่างเบาะหลังรถ รวมทั้ง ยังพบเอกสารระบุประวัตินักเรียนที่ได้รับทุน สลิปเงิน สำเนาบัญชีธนาคาร เอกสารกองทุนเสมาฯย้อนหลังตั้งแต่ปี 2540 ที่เบาะหลังและท้ายรถ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวนางรจนามายืนยันเอกสาร เพื่อบันทึกการตรวจยึด ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าเตรียมนำไปทำลาย โดยนางรจนายอมรับว่าเป็นเอกสารโครงการจริงและเตรียมไปทำลายหลักฐาน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้อายัดคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ไปตรวจสอบ ขณะที่เจ้าหน้าที่ ปปง.เข้าตรวจสอบเอกสาร เพื่อยืนยันเส้นทางการเงิน หาความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ โดยมีประเด็นต้องสงสัยว่าอาจมีผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตของนางรจนา เพราะจากสภาพบ้านพักที่ค่อนข้างทรุดโทรมและภายในไม่ปรากฏทรัพย์สินมีค่าในบ้าน หลังตรวจค้นเสร็จ เจ้าหน้าที่นำหลักฐานกลับไปที่ ป.ป.ท. เพื่อเสนอคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงตรวจหาพยานหลักฐานต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภาพรวมจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ทราบว่า หลักฐานที่พบเป็นประโยชน์ทางคดีทั้งหมด แม้เป็นเอกสารเก่าตั้งแต่ปี 2540 แต่ทางคดีพบทุจริตตั้งแต่ปี 2551 ถ้าตรวจพบว่าเกี่ยวข้องสามารถเอาผิดย้อนหลังได้เช่นกัน และเร็ววันนี้คงต้องเรียกนางรจนาเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมด้วย
พ.ท.กรทิพย์เผยว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอนุมัติหมายค้นบ้านนางรจนา เพื่อพิสูจน์การกระทำผิดของนางรจนา และตรวจอายัดหาพยานหลักฐานหาความเกี่ยวโยงกับคดีทุจริตงบกองทุนเสมาฯ ซึ่งเจ้าของบ้านให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หากพบหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีจะนำส่งอนุกรรมการไต่สวนใช้พิจารณาประกอบดำเนินคดีต่อไป แต่หากพบเงินที่เกี่ยวกับการทุจริตอนุกรรมการฯสามารถใช้อำนาจยึดอายัดเงินดังกล่าวได้ทันที นอกจากนี้ ปปง.กำลังตรวจสอบเส้นทางการเงินบุคคลที่ไม่ใช่เครือญาตินางรจนา แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะอยู่ในสำนวน ต้องขอเวลาตรวจสอบต่อไปอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาธิการตรวจสอบพบเบาะแสทุจริตงบกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ซึ่งเป็นการให้ทุนการศึกษานักเรียนในโครงการของ ศธ. เหตุเกิดตั้งแต่ปี 2551-2561 รวม 10 ปี งบประมาณรวม 176 ล้านบาท ต่อมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาสั่งการให้ตรวจสอบย้อนหลังไปจนถึงปี 2551 พบถูกโอนเงินไปพักไว้ในบัญชีญาติและลูกศิษย์นางรจนา รวมถึงบัญชีบุคคลอื่น รวม 22 บัญชี จากนั้นจึงโอนกลับเข้าบัญชีของตนเอง ในชั้นสอบสวนนางรจนารับสารภาพว่าผู้ดำเนินการเพียงคนเดียว เนื่องจากมีหน้าที่เป็นผู้ช่วยเลขาจดบันทึกรายงานการประชุม หลังประชุมนางรจนาทำเอกสารต่างๆ แทนที่นำเงินเข้าบัญชีของนักเรียน แต่กลับทำเอกสารระบุรายชื่อบัญชีของเครือญาติมาสอดแทรกเข้าไป เพื่อรับเงินแทนก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาอนุมัติเงิน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่มีเหตุต้องสงสัยว่า เป็นเพียงข้าราชการระดับ 8 แต่สามารถใช้ช่องว่างทุจริตต่อเนื่องนานถึง 10 ปี สร้างความเสียหายให้ระบบราชการหลักร้อยล้านบาท
ต่อมากระทรวงศึกษาฯแจ้งความพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เอาผิดนางรจนาฐานเป็นเจ้าหน้าที่เบียดบังงบประมาณ ปี 2560 นำเงินไปเข้าบัญชีบุคคลอื่น ต่อมาพนักงานสอบสวนสน.ดุสิต ส่งสำนวนให้ป.ป.ท.สอบสวนขยายผลถึงผู้ร่วมทำผิด พร้อมติดตามทรัพย์ ล่าสุดคาดว่า มีงบถูกเบียดบังประมาณ 100 ล้านแล้ว คณะกรรมการปปท.( บอร์ด ปปท.) จึงมีมติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนฯนางรจนา โดยตั้งข้อกล่าวหา 5 ข้อหา
1.ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย เป็นความผิดตามมาตรา 147 2.ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น มาตรา151 3.ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น มาตรา 161 4.ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการในการปฏิบัติการตามหน้าที่ มาตรา162และ5.ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มาตรา157
ด้านพ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ท.เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตงบสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งว่า ตรวจพบความผิดปกติเงินช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่ง 49 จังหวัด ตั้งคณะไต่สวนแล้ว 7 จังหวัด ดำเนินคดีกับข้าราชการและพนักงานรัฐไปแล้วประมาณ 30 คน นอกจากนี้ ยังเร่งตรวจสอบเงินสงเคราะห์ชาวเขาทั้ง 16 ศูนย์ทั่วประเทศ และเงินอุดหนุนช่วยเหลือศูนย์ประสานงานโครงการหมู่บ้านสหกรณ์อีก 3 แห่ง รวมงบผ่านกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เกือบ 500 ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี