ป.ป.ท.ผนึกกำลัง ปปง.-ตำรวจ จู่โจมแต่เช้าตรูตรวจค้นบ้านข้าราชการซี 8 "รจนา สินที" นักวิเคราะห์นโยบายฯ สังกัดสำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา หลังตรวจพบโกงเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตฯ 18.8 ล้านบาท พบเอกสาร-สลิปเงินซุกในรถปาเจโรอายัดไว้เป็นหลังฐาน พร้อมสั่งขยายผลเส้นทางการเงินโยงถึงใคร ขณะที่การทุจริตเงินคนจนศูนย์พัฒนาชาวเขาเชียงใหม่ 67 ล้านบานปลายหนัก 15 หัวหน้าเขตศูนย์แฉถูกปลอมลายเซ็นไปรับเงิน จ่ายแค่ 3 แสนแต่เบิก 2.3 ล้านบาท
เมื่อเวลา 06.50 น.(23 มี.ค.) พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการ ป.ป.ท. พร้อม พ.ต.อ.ธนวุฒิ โพธิ์ชุ่ม ประธานอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผอ.กองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 ป.ป.ท. สนธิกำลังเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท., สำนักงาน ปปง., ตำรวจ บก.ปอท. และตำรวจ สน.ดอนเมือง นำหมายค้นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เลขที่ 2/2561 และ 3/2561 ลงวันที่ 22 มี.ค. 2561 ขอค้นบ้านเลขที่ 310/926 และ 310/927 หมู่บ้านปิ่นเจริญ 3 ถนนสรงประภา 14 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. ของนางรจนา สินที นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา ระดับ 8 กระทรวงศึกษาธิการ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีว่าเป็นเจ้าหน้าที่เบียดบังงบกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ทุนการศึกษาของนักเรียนในโครงการของกระทรวงศึกษาธิการ ช่วงปี 60 นำเงินไปเข้าบัญชีบุคคลอื่นเป็นเงิน 18.8 ล้านบาท เพื่อทำการอายัดทรัพย์สินทั้งหมดไว้ตรวจสอบ
เมื่อถึงพื้นที่เป้าหมายเจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายค้นของศาลเพื่อขอเข้าตรวจค้นหลักฐานนำมาประกอบการไต่สวนมูลฟ้อง และหลักฐานอื่นอันเป็นเหตุสงสัยว่าใช้เพื่อกระทำความผิด โดยสภาพบ้านเป็นทาวน์เฮาส์ปลูก 2 หลังติดกัน มีการนำผ้าม่านและแผ่นสังกะสีปิดซ้อนกับประตูรั้วอย่างมิดชิด โดย พ.ต.ท.สิริพงษ์ ได้แสดงหมายค้นและชี้แจงวัตถุประสงค์ต่อนางรจนา นานกว่า 20 นาที ซึ่งทางนางรจนา ได้โทรศัพท์หารือกับทนายความก่อนอนุญาตให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.เข้าตรวจค้นเก็บหลักฐาน
พบประเด็นต้องสงสัยเส้นทางการเงิน
ด้าน พ.ต.ท.สิริพงษ์ เปิดเผยว่า คดีนี้เลขาธิการ ป.ป.ท.มีนโยบายให้ทำงานเชิงรุก ภายหลังบอร์ด ป.ป.ท.มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนความผิดก็ได้ขอหมายค้นเข้าตรวจค้นเพื่อเก็บพยานหลักฐานในทันที เนื่องจากกรณีของนางรจนามีเหตุต้องสงสัยว่าเป็นเพียงข้าราชการระดับซี 8 แต่สามารถใช้ช่องว่างทุจริตอย่างต่อเนื่องนานกว่า 10 ปีสร้างความเสียหายให้แก่ระบบราชการกว่า 100 ล้านบาท ขณะที่สภาพบ้านพักค่อนข้างทรุดโทรม จึงเป็นประเด็นต้องสงสัยถึงเส้นทางการเงิน
"โดยเบื้องต้นพบเส้นทางการเงินที่ได้จากการทุจริตนำไปเข้าในบัญชีของบุคคลต่างๆ ตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบันแล้ว แต่อยู่ระหว่างการขยายผลว่าเงินไหลออกไปจุดใดบ้าง ที่สำคัญในคดีมีข้อสงสัยว่าการอนุมัติทุนทำในรูปคณะกรรมการ มีผู้ร่วมพิจารณาเป็นจำนวนมาก เหตุใดจึงมีการทุจริตเพียงคนเดียว โดยไม่พบร่องรอยของผู้ร่วมพิจารณารับรู้เรื่องด้วย สำหรับผู้ที่มีชื่อรับเงินจากนางรจนา จะต้องเสนอให้บอร์ด ป.ป.ท.มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีทั้งหมด"
เจอเอกสาร-สลิปเงินซุกในรถปาเจโร
ต่อมาเวลา 08.00 น. พ.ต.ท.สิริพงษ์ เผยว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่มีเวลาในการตรวจอายัดหลักฐาน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.จะพยายามทำการตรวจอายัดให้เสร็จภายในวันนี้ ก่อนนำหลักฐานทั้งหมดไปตรวจสอบ และหาความเชื่อโยงว่าเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ เบื้องต้นได้ทำการตรวจอายัดแฟ้มเอกสารจำนวนมาก และคอมพิวเตอร์อีกจำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบบ้าน 2 หลังที่สามารถทะลุถึงกันได้ มีคนในครอบครัวรวมประมาณ 4 คน รวมนางรจนาด้วย ซึ่งให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ในการตรวจเป็นอย่างดี หลังจากนี้จะนำหลักฐานทั้งหมดกลับ ป.ป.ท.เพื่อให้คณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงทำการตรวจหาพยานหลักฐานต่อไป นอกจากนี้ยังตรวจอายัดเอกสารที่อยู่ภายในรถมิตซูบิชิ ปาเจโร สีน้ำเงิน ทะเบียน ศส 6116 กรุงเทพมหานคร ของนางรจนาจอดอยู่หน้าบ้านไปตรวจสอบด้ว เบื้องต้นจากการตรวจสอบภายในรถพบเอกสารกองทุนพัฒนาปี 2540,2546,2549 รวมทั้งสลิปเงินอีกด้วย
พ.ท.กรทิพย์ เผยว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอนุมัติหมายค้นตรวจอายัดหาพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อหาความเกี่ยวโยงกับคดีทุจริตงบกองทุนเสมาฯ และหาพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีต่อนางรจนา ส่วนใหญ่พบเอกสารและแฟ้มจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จำนำกลับไปตรวจสอบอย่างละเอียด หลังจากนี้หากพบความเกี่ยวโยงถึงใคร และข้าราชการระดับสูง คณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ป.ป.ท.จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ พบว่า ปปง.ตรวจสอบพบเส้นทางการเงินบุคคลที่ไม่ใช้เครือญาติของนางรจนา ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะอยู่ในสำนวน แต่ยังต้องขอเวลาตรวจสอบต่อไปอีก
เผยเบื้องหลังพบทุจริตกองทุนเสมาฯ
ข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงศึกษาฯได้ตรวจสอบภายในพบเบาะแสทุจริต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาจึงสั่งการให้ตรวจสอบย้อนหลังไปจนถึงปี 2551 ในแต่ละกองทุนเสมาฯ จะได้รับอนุมัติงบประมาณปีละ 10-30 ล้านบาท พบถูกโอนเงินไปพักไว้ในบัญชีแม่ น้องชาย น้องสาว น้องสะใภ้ และลูกศิษย์ของนางรจนา รวมถึงบัญชีของบุคคลอื่นๆ รวม 22 บัญชี จากนั้นจึงโอนกลับเข้าบัญชีของตนเอง ในชั้นสอบสวนนางรจนารับสารภาพว่าเป็นผู้ดำเนินการเพียงคนเดียว โดยมีหน้าที่เป็นผู้ช่วยเลขาจดบันทึกรายงานการประชุม หลังการประชุมนางรจนาจะทำเอกสารต่างๆ แทนที่จะนำเงินเข้าบัญชีของนักเรียนแต่กลับทำเอกสารระบุรายชื่อบัญชีของเครือญาติมาสอดแทรกเข้าไปเพื่อรับเงินแทนก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาอนุมัติเงิน
ต่อมากระทรวงศึกษาธิการได้แจ้งความพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เอาผิดต่อนางรจนาดำเนินคดีว่าเป็นเจ้าหน้าที่เบียดบังงบประมาณ ปี 60 นำเงินไปเข้าบัญชีบุคคลอื่นเป็นเงิน 18.8 ล้านบาท ต่อมาพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ส่งสำนวนมาให้ ป.ป.ท.สอบสวนขยายผลถึงผู้ร่วมกระทำความผิด พร้อมติดตามทรัพย์
บอร์ดป.ป.ท.ตั้ง5ข้อกล่าวหา"รจนา"
ล่าสุดที่คณะกรรมการ หรือ บอร์ด ป.ป.ท.มีมติให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนนางรจนา ตั้งข้อกล่าวหา 5 ข้อหา (1. ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย มาตรา 147 (2. ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น มาตรา 151 (3. ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น มาตรา 161 (4. ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการในการปฏิบัติการตามหน้าที่ มาตรา 162 และ (5. ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มาตรา 157
15หน.เขตแฉถูกปลอมลายเซ็นรับเงิน
วันเดียวกันที่ จ.เชียงใหม่ หัวหน้าเขตทั้ง 15 เขตของศูนย์พัฒนาราษฏรบนพื้นที่สูงจังหวัดเชียงใหม่ เดินทางเข้ามาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ที่สำนักงาน ป.ป.ท.เขต 5 อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี กรรมการ ป.ป.ท.และคณะ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จริงและมีการสุ่มเรียกราษฏรบนพื้นที่สูง ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 1 บ้านผาแดง และชาวบ้านหมู่ 8 บ้านผาปู่จอม มาสอบสวนพบว่าส่วนใหญ่ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือแต่กลับถูกนำเอกสารทั้งสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านไปเบิกเงิน
นายพีระยศ คำแสนใส หัวหน้าเขตพัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นเขตที่ได้รับงบประมาณมากที่สุดใน จ.เชียงใหม่ ถึง 11 ล้านกว่าบาท โดยนายพีระยศ บอกว่ารู้สึกตกใจมากหลังทราบว่าตัวเองได้มีรายชื่อในการเซ็นเบิกจ่ายเงินงบประมาณเนื่องจากที่ผ่านมานั้นทางศูนย์ได้รับงบมาแจกให้กับราษฏรทั้งหมดเพียง 170,000 บาทเท่านั้น โดยได้ครั้งละ 2,0,000 - 30,000 บาท โดยวันนี้ได้เข้ามาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.และอยากเห็นลายเซ็น?ที่เซ็นเอกสารว่าเป็นของตนหรือไม่ เพราะกลัวจะมีการปลอมลายเซ็นเกิดขึ้น
แฉโกงชาวเขาเบิก 2.3 ล้านจ่าย3แสน
นายดิเรก บุญลัง หัวเขตพัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงบ้านแม่ยางซ่าน อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ 7 ตำบล กล่าวว่า ได้รับงบไปแจกจ่ายให้กับราษฎรในการสร้างอาชีพทั้งหมดประมาณ 3 แสนบาทแต่กลับมีลายเซ็นเบิกเงินมากถึง 2,300,000 บาท ดังนั้น จึงเตรียมหลักฐานทั้งบัญชีรายจ่ายและสมุดบัญชีที่ทางศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงได้โอนเงินมาให้มามอบให้กับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ได้ตรวจสอบ
ด้านนายสัญชาติ อุปนันชัย ผอ.กองอำนวยการต่อต้านการทุจริต? เปิดเผยว่า วันนี้ทาง ป.ป.ท. ได้แบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุดเพื่อสอบทั้งหัวหน้าเขตของศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนอีกชุดลงพื้นที่สอบเจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานงานโครงการหมู่บ้านสหกรณ์สันกำแพง อำเภอแม่ออน ตามพระราชดำริ เพื่อสอบเรื่องเอกสารทั้งสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านที่ได้มาของชาวบ้านก่อนจะนำมาเบิกงบทั้งหมด 24 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ให้การว่าไม่ทราบที่มาของเอกสารแต่ผู้อำนวยการศูนย์คนเดิมนำมามอบให้เจ้าหน้าที่จึงมีหน้าที่เพียงแค่เซ็นชื่อแทนชาวบ้านเท่านั้น ดังนั้น ทาง ป.ป.ท.จะดำเนินการตามกฎหมายกับเจ้าหน้าที่ๆมีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป
"เสี่ยตือ"ชี้รบ.คสช.แก้ปัญหาทุจริตไม่ได้
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาพรรคเพื่อชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์เกี่ยวกับการทุจริตในประเทศไทยว่า ตนคิดว่าไม่ว่าจะมีนักการเมืองหรือไม่มีนักการเมืองก็แทบจะไม่แตกต่างกันแล้ว ดูเหมือนว่าการทุจริตได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยไป ทั้งๆ ที่ทุกคนก็รังเกียจ มองเห็นหายนะที่เกิดขึ้นจากการที่ทุจริต แต่ยากที่จะหยุด ยากที่จะตัดตอนให้ขาดหายไปจากสังคมได้ การเมืองไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองที่มาจาการเลือกตั้ง หรือที่มาจากอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ถ้าขาดความสุจริตใจในการที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง รวมทั้งยังหลับตาข้างเดียว ถ้าเป็นคนที่ไม่ใช้พวกจะใช่ดาบลงมืออย่างเด็ดขาด แต่ถ้าคนที่เป็นพวกก็พยายามทำเป้นมองไม่เห็น มันก็ยากสำหรับการแก้ปัญหาการทุจริต
"วันนี้จึงเกิดคำถามมากมายว่าทำไมตัวเลขการทุจริตถึงไม่ลดน้อยลง ทั้งๆที่เป็นนโยบายที่สำคัญของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลชุดนี้เลย ที่มุ่งเน้นที่จะปราบปรามการทุจริต และมีม.44 อยู่ในมือ แต่ทำไมการทุจริตมันยังไม่หายไป และไม่สามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้ แต่ยังผุดขึ้น โผล่ไปหน่วยงานโน้นที หน่วยงานนี้ที ตรงนี้ทำให้เกิดความคิดเห็นได้ว่าการทุจริตคอรัปชันไม่ได้เกิดจากนักการเมืองเท่านั้น ใครก็ตามที่เข้ามาอยู่ในวังวนของอำนาจ ถ้าจิตใจไม่เข้มแข็งพอ ถ้าไม่สุจริตใจในการแก้ปัญหาตรงนี้พอ ไม่มีโอกาสที่จะแก้ปัญหาการทุจริตได้ไม่ว่าใคร" นายสมศักดิ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี