วันอาทิตย์ ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ทรงห่วงใยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงพระราชทานพระราชกระแสให้ติดตาม ขับเคลื่อน และเร่งรัด รวมทั้งแก้ไขปัญหาอุปสรรคการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ บังเกิดประโยชน์สูงสุดกับราษฎร และเพื่อให้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริสำเร็จตามวัตถุประสงค์ คณะกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงได้แต่งตั้ง
คณะอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในระดับพื้นที่ 4 ภาคขึ้นมา เพื่อติดตาม ขับเคลื่อน เร่งรัด และบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
กรมชลประทาน ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบและสร้างความมั่นคงในเรื่องน้ำให้กับประเทศ ได้นำพระราชกระแสดังกล่าว มากำหนดไว้ในแนวทางการปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และขับเคลื่อนยุทธศาสตร์กรมชลประทาน ซึ่งมีแนวทางขับเคลื่อน 7 แนวทาง แนวทางที่กรมชลประทานให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก คือ เร่งรัดการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน ได้สั่งการให้เร่งรัดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในด้านการพัฒนาแหล่งน้ำที่ยังไม่ได้ดำเนินการ ซึ่งมีอยู่จำนวน 168 โครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่วางไว้ โดยให้ดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการและติดตามประเมินผลอย่างเป็นระบบ แบ่งเป็นแต่ละภูมิภาค คือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้
พื้นที่ภาคเหนือ เป็นอีกพื้นที่ที่ประสบปัญหาเรื่องน้ำค่อนข้างมาก เนื่องจากสภาพภูมิประเทศมีความลาดชัน ป่าไม้ถูกทำลาย ในฤดูฝนเกิดปัญหาน้ำป่าไหลหลากฤดูแล้งประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานพระราชดำริโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นหลายโครงการมีทั้งโครงการที่ กรมชลประทานได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ และโครงการที่อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการก่อสร้าง
อย่างไรก็ตามให้การขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเป็นไปเป้าหมาย คณะอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคเหนือ ที่มี นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นประธาน ได้ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2560 จนถึงปัจจุบันรวมถึง 6 ครั้ง จำนวน 36 โครงการ โดยครั้งล่าสุดคือครั้งที่ 6 มีจำนวน 13 โครงการ ทุกโครงการมีความก้าวหน้าอย่างน่าพอใจประกอบด้วย โครงการที่ได้รับจัดสรรงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) แล้วมีจำนวน 1 โครงการ ได้แก่ โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยลอย ตำบลวังทอง อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำชลประทานขนาดเล็ก งบประมาณค่าก่อสร้าง 37.66 ล้านบาท ปัจจุบันมีผลงานก่อสร้างร้อยละ 30
.jpg)
พลากร สุวรรณรัฐ
โครงการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ กปร. เพื่ออนุมัติงบประมาณดำเนินงานก่อสร้างในปีงบประมาณ 2561 จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ โครงการสถานีสูบน้ำแม่เชียงรายลุ่ม 2 พร้อมระบบส่งน้ำ ตำบลแม่พริก อำเภอแม่พริก จังหวัดลำปาง งบประมาณค่าก่อสร้าง 36.81 ล้านบาท สถานภาพมีความพร้อมในการก่อสร้าง โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยแม่เย๊าะพร้อมระบบส่งน้ำ ตำบลเวียงมอก อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง โครงการนี้แม้แบบก่อสร้างแล้วเสร็จก็ตาม แต่มีพื้นที่บางส่วนอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ โซน C เกิน 50 ไร่ ดังนั้นจะต้องศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) เพื่อนำไปใช้ประกอบการขออนุญาตใช้พื้นที่ต่อไป งบประมาณค่าก่อสร้าง 42.83 ล้านบาท โครงการฝายแม่ อางบ้านน้ำล้อม ตำบลบ้านแลง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง งบประมาณค่าก่อสร้าง 19.50 ล้านบาท สถานภาพโครงการมีความพร้อมในการก่อสร้าง โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเฮี้ยพร้อมระบบส่งน้ำ ตำบลนิคมพัฒนา อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง งบประมาณค่าก่อสร้าง 51.59 ล้านบาทสถานภาพโครงการมีความพร้อมในการก่อสร้าง และโครงการอ่างเก็บน้ำแม่อาง ตำบลบ้านแลง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลางดำเนินการต่อเนื่องมากกว่า 1 ปี โดยในปีแรกขอรับการสนับสนุนจาก กปร.งบประมาณค่าก่อสร้าง 18 ล้านบาท สถานภาพโครงการมีความพร้อมในการก่อสร้าง
โครงการที่อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม จำนวน 7 โครงการ เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กที่อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการดำเนินการก่อสร้างจำนวน 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยแหน ตำบลแม่ทะ อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง มีความจุ 192,000 ลูกบาศก์เมตร ส่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกได้ 300 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุญาตใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 โดยของบสนับสนุนการก่อสร้างจาก กปร.จำนวน 15 ล้านบาท โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยแม่สุย ตำบลบ้านค่า อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ค่อนข้างจะล่าช้าเนื่องจากมีผู้คัดค้านโครงการจำนวน 14 รายและมีพื้นที่บางส่วนอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ซึ่งกรมชลประทานจะประสานกับหน่วยงานปกครองในพื้นที่เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง พร้อมทั้งเร่งขออนุญาตใช้พื้นที่จากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช โครงการนี้สามารถช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูก 3,000 ไร่ โครงการฝายแม่อางบ้านดงพร้อมระบบส่งน้ำ ตำบลบ้านแลง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ คาดว่าจะสามารถก่อสร้างในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 โครงการอ่างเก็บน้ำแม่จางตอนบน ตำบลจาเหนือ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง มีความจุ 1.44 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกจำนวน 1,500 ไร่ มีแผนงานศึกษา IEE ในปีงบประมาณ พ.ศ.2561 คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 และโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยแม่เคียน ตำบลปงเตา อำเภองาว จังหวัดลำปาง มีความจุที่ระดับเก็บกัก 2.67 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูก 1,800 ไร่ มีแผนศึกษา IEE เจาะสำรวจธรณี และขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าไม้ภายในปีงบประมาณ พ.ศ.2561 มีแผนก่อสร้างภายในปี 2563
ส่วนอีก 2 โครงการ เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลาง ซึ่งจะต้องทำการศึกษาความเหมาะสมและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เนื่องจากพื้นที่ก่อสร้างและพื้นที่น้ำท่วมอยู่ทั้งในเขตป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ และพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1A ประกอบด้วย โครงการอ่างเก็บน้ำแม่บอม(แม่ตุ๋ย) ตำบลบ้านขอ อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง มีความจุที่ระดับเก็บกัก 10.24 ล้านลูกบาศก์เมตร ช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกได้ประมาณ 6,000 ไร่ คาดว่าจะสามารถก่อสร้างได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 โดยขอสนับสนุนงบประมาณจาก กปร. ในปีแรกจำนวน 31 ล้านบาท และโครงการอ่างเก็บน้ำแม่งาว ตำบลบ้านร้อง อำเภองาว จังหวัดลำปาง มีความจุที่ระดับเก็บกัก 18.81 ล้านลูกบาศก์เมตรสามารถช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกได้ประมาณ 13,628 ไร่ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยจะขอรับการสนับสนุนงบประมาณจาก กปร. ในปีแรก จำนวน 40 ล้านบาท
.jpg)
นายประพิศ จันทร์มา
นายประพิศ จันทร์มา รองอธิบดีฝ่ายก่อสร้าง กรมชลประทาน ได้รายงานสรุปผลการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทั้ง 36 โครงการ ที่องคมนตรีได้ลงพื้นที่ติดตามทั้ง 6 ครั้งว่า ในจำนวน 36 โครงการดังกล่าว กรมชลประทานได้ดำเนินการของบประมาณปี 2561 จาก กปร.จำนวน 19 โครงการ เป็นโครงการที่แล้วเสร็จภายในปี 2561 จำนวน 16 โครงการ และเป็นโครงการต่อเนื่องอีก 3 โครงการ ส่วนที่เหลืออีก 17 โครงการ จะดำเนินการของบประมาณในปีต่อๆ ไป
นอกจากนี้ ในจำนวน 36 โครงการดังกล่าว ยังได้ขอดำเนินการเปลี่ยนแปลงงบประมาณปี 2561 เพื่อศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม จำนวน 1 โครงการ และการประสานงานขอช่างรังวัดเพิ่มเติม เพื่อปฏิบัติงานรังวัดที่ดินให้กับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ปี พ.ศ. 2561-2562 จำนวน 6 โครงการ อย่างไรก็ตาม กรมชลประทานจะจัดทำกรอบระยะเวลา เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการ
กำกับ ติดตาม และขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริให้เป็นไปตามเป้าหมายทุกโครงการ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรรัชกาลที่ 9 ได้รับการยกย่องให้เป็น “ปราชญ์แห่งน้ำ” เพราะพระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถในด้านการพัฒนาแหล่งน้ำในทุกๆ ด้าน ทรงทุ่มเท พระวรกายในการศึกษาวิจัยและการพัฒนาแหล่งน้ำ จนเกิดเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเกี่ยวกับน้ำมากกว่า 2,700 โครงการ สามารถแก้ไขทั้งปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง คุณภาพน้ำ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างประโยชน์มหาศาลให้กับประเทศไทยและพสกนิกรชาวไทย จนในปัจจุบันกลายเป็น “ศาสตร์พระราชา” ที่ถ่ายทอดและสืบสานต่อไป ชั่วลูกชั่วหลาน
โครงการพัฒนาแหล่งน้ำทั้ง 36 โครงการดังกล่าว เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ยังคงเหลืออีกกว่า 100 โครงการในภูมิภาคต่างๆ โดยกรมชลประทานจะเร่งดำเนินงานให้แล้วเสร็จตามพระราชกระแสรับสั่งของในหลวงรัชกาลที่ 10 ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี