วันอาทิตย์ ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ปัญหาเรื่องโรคพิษสุนัขบ้า ดูจะขยายบานปลายเกินคาด ก่อผลสะเทือนมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในกรมปศุสัตว์ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมป้องกันและขจัดโรคพิษสุนัขบ้าเอง
การกลับมาแพร่ระบาดรุนแรงในปีนี้ชัดเจนว่า มีสาเหตุสำคัญเกี่ยวพันกับเรื่อง “วัคซีน” ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทั้งกรณีที่ผมเขียนไปก่อนหน้านี้คือ การที่ไม่ได้มีการฉีดวัคซีนให้สัตว์เลี้ยงหมา แมว อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพพอโดยเฉพาะจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเนื่องจาก “ขยาด” ต่อการที่ถูกสตง.ตรวจสอบท้วงติงเรื่องใช้งบฯจัดซื้อวัคซีน แต่เรื่องนี้ก็ได้แก้ไขจบไปแล้ว ขณะที่ยังมีปัญหาเพิ่มเติมว่า วัคซีนที่ฉีดให้สัตว์เลี้ยงนั้น“ด้อยคุณภาพ”หรือเปล่า ร่วมถึงมีปัญหา“วัคซีนปลอม” หรือไม่
ผนวกกับมีข่าว“ปูด”ออกมาว่ามีภริยาอดีตผู้บริหารระดับสูงกรมปสุสัตว์ ตั้งบริษัทนำเข้าวัคซีน มาขายให้กรมปศุสัตว์ โดยดำเนินการมายาวนานหลายสิบปี จึงเกิดคำถามขึ้นทั้งเรื่อง“ผลประโยชน์ทับซ้อน”และเรื่องตัววัคซีนที่ขายให้มีคุณภาพที่ถูกต้องหรือไม่ และช่วยเหลือเกื้อหนุนอะไรกันหรือไม่
เดิมทีเมื่อเรื่องนี้ปูดขึ้นมา นายลักษณ์ วจนานวัช รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลกรมปศุสัตว์ได้สอบถามแล้ว ก็ยุติเรื่อง ไม่ตั้งกรรมการขึ้นสอบสวนใดๆ อ้างว่าด้วยผู้บริหารดังกล่าวออกจากกรมปศุสัตว์ไปแล้ว ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ อีก จึงไม่จำเป็นต้องสอบสวนย้อนหลัง เนื่องจากเคยมีการสอบสวนไปก่อนหน้านี้ซึ่งเห็นว่าไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อราชการ รวมถึงวัคซีนที่ซื้อในช่วงนั้น ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
การไม่เอาเรื่องดังกล่าว ก่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทางลบจากสังคมมาก จนนายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรฯต้อง“หักหน้า”รมช.ลักษณ์ ด้วยการสั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบข้อเท็จจริงเสียเอง ลงนามคำสั่งเมื่อ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ระบุเพื่อให้เกิดความโปร่งใส โดยให้เวลาสอบ 30 วัน ตั้ง 4 ประเด็นสอบ คือ 1.กรณีครอบครัวข้าราชการสังกัดกระทรวง เกษตรฯค้าขายวัคซีนให้กรมปศุสัตว์เป็นเวลาหลายสิบปี 2.กรณีมีการนำวัคซีนที่ไม่มีคุณภาพไปฉีดให้สัตว์ 3.ตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงสาธารณสุข และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเกี่ยวข้องกับการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และ 4.ใครเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายนี้
ทันทีที่รมว.เกษตรฯสั่งตั้งกรรมการสอบดังกล่าว ก็เกิดกระแสข่าวลือสะพัดว่า นายสัตวแพทย์(น.สพ.)อภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้ขอย้ายตัวเองพ้นตำแหน่ง โดยรมว.กฤษฎาก็เห็นชอบด้วยและจะตั้งนายสรวิศ ธานีโต ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯมาเป็นอธิบดีกรมปศุสัตว์แทน โดยสลับให้ น.สพ.อภัยไปเป็นผู้ตรวจฯ
แต่ต่อมาทั้งน.สพ.อภัยและรมว.กฤษภา ต่างออกมาออกมาสยบข่าวลือดังกล่าว ปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริง
สำหรับภริยาอดีตผู้บริหารกรมปศุสัตว์ตามข่าวนั้น เป็นที่เปิดเผยกันคือ ภริยานายไพโรจน์ เฮงแสงชัย อดีตรองอธิบดีกรมปศุสัตว์ ซึ่งเรื่องตั้งบริษัทขายวัคซีนให้กรมปศุสัตว์นั้น น.สพ.อภัยยอมรับว่า รับทราบมานาน ไม่เคยทักท้วงปัญหาจริยธรรมหรือเสี่ยงผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะช่วงนั้นนายไพโรจน์เป็นข้าราชการทั่วไป ยังไม่ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งระดับบริหาร และบริษัทที่ชนะประมูลขายวัคซีนก็เป็นไปตามระเบียบพัสดุจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ซึ่งยึดหลักพิจารณาด้านราคาเป็นที่ตั้ง จนต่อมาเมื่อนายไพโรจน์ขึ้นเป็นรองอธิบดี จึงได้ขึ้นบัญชีดำห้ามบริษัทภริยามาประมูลขายวัคซีนอีก
นี่ก็เป็นเรื่องทั้งหมดที่ประมวลตามข่าวและเมื่อรมว.กฤษฎาตั้งกรรมการสอบแล้ว ผลจะผิดจะถูกอย่างไร ก็ต้องรอดูกันต่อไป แต่ขณะเดียวกันเรื่องที่ผมได้ยินมาเพิ่มเติมว่า งานนี้ ดูจะเป็นการจงใจปล่อยข่าว“เลื่อยเก้าอี้อธิบดีกรมปศุสัตว์”โดยเฉพาะอีกด้วย
ในความเป็นจริง เรื่องภริยานายไพโรจน์ตั้งบริษัทขายวัคซีนให้กรมปศุสัตว์ เคยถูกตั้งกรรมการสอบดังที่รมช.ลักษณ์ว่าไว้ และแม้ไม่พบว่าผิด แต่รมว.เกษตรฯตอนนั้นคือพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ก็ได้ย้ายนายไพโรจน์พ้นกรมปศุสัตว์ไปเป็นรองอธิบดีกรมหม่อนไหม โดยมีข่าวว่า ครั้งนั้นเป็นฝีมือ “เลื่อย” ของที่ปรึกษาที่เคยเป็นใหญ่ในกรมปศุสัตว์และเคยขึ้นเป็นเบอร์ 1 กระทรวงมาแล้วด้วย หวังดันคนของตัวเองขึ้นมาคุมกรมปศุสัตว์แทน เพราะเป็นที่รู้กันว่า นายไพโรจน์นั้น เป็นคนสนิทคนหนึ่งของน.สพ.อภัย เมื่อมีเรื่องอื้อฉาวนี้เกิดขึ้นย่อมส่งผลถึงเก้าอี้“อธิบดี”ได้
ครั้งก่อนอธิบดี“อภัย”รอดมาได้ แต่ครั้งนี้ เมื่อโรคพิษสุนัขบ้าระบาดหนัก จะรอดได้อีกหรือไม่ โปรดติดตามกันต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี