สอศ.จับมือสมาคมวิศวกรรมระบบขนส่งทางราง เร่งผลิตกำลังคนอาชีวะรองรับสถานประกอบการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
29 มี.ค.61 ที่สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้ง มักกะสัน กรุงเทพฯ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)โดย นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) และ สมาคมวิศวกรรมระบบขนส่งทางรางไทย ที่มีนายดิสพล ผดุงกุล นายกสมาคมวิศวกรรมระบบขนส่งทางรางไทย ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงดำเนินการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาด้านระบบขนส่งทางราง ให้แก่นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) สาขาวิชาระบบขนส่งทางรางและสาขาวิชาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
โดย นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการ กอศ. กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้ 3 จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง เป็นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC หรือ อีอีซี) ทั้งนี้ จากข้อมูลคณะอนุกรรมการด้านการระบบขนส่งทางรางและพัฒนาบุคลากร ได้ประมาณการความต้องการด้านบุคลากรระบบรางทั่วประเทศ ในระยะ 5 ปี ประมาณ 31,307 คน ประกอบด้วย วิศวกร 5,740 คน ช่างเทคนิค 11,480 คน และสาขาอื่นๆ 14,087 คน
เลขาธิการ กอศ. กล่าวต่อว่า จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่าตลาดแรงงานมีความต้องแรงงานโดยเฉพาะช่างเทคนิคในระดับ ปวส.อีกจำนวนมาก เฉพาะระบบรางปัจจุบันมีวิทยาลัยในสังกัด สอศ.ที่ผลิตกำลังคนได้อย่างมีคุณภาพ จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยการอาชีพบ้านไผ่ วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี วิทยาลัยเทคนิคกุมวาปีปทุม และวิทยาลัยเทคนิคชลบุรี และยังมีวิทยาลัยเอกชนจำนวนหนึ่งที่ผลิตสาขาดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการผลิตกำลังคนอาชีวะและการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับระบบขนส่งทางราง สอศ. จึงได้ร่วมกับสมาคมวิศวกรรมฯ ทำโครงการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาด้านระบบขนส่งทางรางเขตพัฒนาพิเศษตะวันออก (EEC) สู่ความเป็นเลิศ
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า โครงการดังกล่าวจะเริ่มนำร่องตั้งแต่ปีการศึกษา 2561 ในระดับ ปวส.ใน 3 สาขางาน ได้แก่ สาขางานอาณัติสัญญาณ และโทรคมนาคม (Signaling and Telecommunication) สาขางานตู้รถไฟ (Rolling Stock) สาขางานซ่อมบำรุงระบบราง (Track Work) ซึ่งจะเริ่มต้นในปีการศึกษา 2561 โดยจัดในรูปแบบการเรียนการสอนเน้นรูปแบบ Work – integrated Learning (WIL) แบบเข้มข้นและระบบทวิภาคีเข้มแข็ง ระยะเวลาการศึกษาตลอดหลักสูตร 2 ปี หรือ 3 ปี (แบบทวิวุฒิ) จัดการเรียนการสอนโดยใช้กระบวนการ STEM และ Project base Learning
"ขณะนี้ตลาดแรงงานมีความต้องการช่างเทคนิคอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่ง สอศ.มีความพร้อม 100% ที่จะพัฒนานักเรียน นักศึกษาของเราให้มีศักยภาพ มีทักษะฝีมือตรงตามที่สถานประกอบการต้องการ และรองรับ 10 อุตสาหกรรม ที่ขณะนี้ สอศ.ได้มีการพัฒนาหลักสูตรอาชีวะพรีเมียม ที่เป็นมาตรฐานสากล 8 หลักสูตร ซึ่งในต้นเดือน เม.ย.นี้ จะเสนอ 4 หลักสูตร ได้แก่ ระบบราง, แมคคาทรอนิกส์,โลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมยานยนต์ เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พิจารณาด้วย" นายสุเทพ กล่าว
ด้านนายดิสพล ผดุงกุล นายกสมาคมวิศวกรรมระบบขนส่งทางรางไทย กล่าวว่า ทางสมาคมได้ทำการศึกษาบุคลากรในทุกอุตสาหกรรมพบว่ามีความต้องการแรงงาน โดยเฉพาะด้านช่างเทคนิคและสาขาที่เกี่ยวข้องมีสัดส่วนมากที่สุดถึง 75% สมาคมฯ มีเครือข่ายความร่วมมือกับทั้งประเทศ และต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เยอรมัน เกาหลีใต้ และจีน ดังนั้น ในความร่วมมือกันครั้งนี้ หาก สอศ. มีความต้องการสนับสนุนทั้งการอบรมบุคลากร วิทยากร ตลอดจนสถานที่ฝึกงานของนักศึกษาในสถานประกอบการต่างๆ สมาคมฯ ก็พร้อมให้ความร่วมเต็มที่
ขณะที่ นายปริวัฒน์ ถานิสโร ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคชลบุรี กล่าวว่า ทางวิทยาลัยฯเป็นหนึ่งใน 19 วิทยาลัยที่นำร่องหลักสูตรอาชีวะพรีเมียม ในสาขาวิชาระบบขนส่งทางราง และครั้งนี้ก็ได้ร่วมกับสมาคมวิศวกรรมฯในวันนี้ด้วย โดยปีการศึกษา 2561 นี้ จะเปิดรับนักศึกษาระดับ ปวส.1 ในสาขางานอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม (Signaling and Telecommunication) จำนวน 40 คน ขณะนี้รับนักศึกษาแล้ว 25 คน และกำลังเปิดรับสมัครเพิ่มเติม โดยผู้ที่มาสมัครจะต้องจบระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ปีที่ 3 ในสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น ไฟฟ้า และผู้ที่จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เกรดเฉลี่ย 2.75 ขึ้นไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี