วันอาทิตย์ ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
ส่องเกษตร : ถึงเวลา‘เอาจริง’ล้างโกง

ส่องเกษตร : ถึงเวลา‘เอาจริง’ล้างโกง

วันพุธ ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2561, 06.00 น.
Tag : ส่องเกษตร
  •  

ข่าวอธิบดีกรมชลประทาน-ทองเปลว กองจันทร์ มีคำสั่งย้ายด่วนนายเทิดพงษ์ ไทยอุดม ผอ.โครงการชลประทานนครราชสีมา พร้อม 2 เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่ไปประจำสำนักชลประทานที่ 8 ตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.เป็นต้นไป และตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทั้งทางวินัยและอาญานั้น นับเป็นการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจให้ต้องจับตาใกล้ชิด ในการตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่กำลังเพิ่มความเข้มข้นในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น หลังจากที่มีปัญหาการโกงกินเกิดขึ้นเรียกได้ว่า“ทุกหย่อมหญ้า” จนกลายเป็นประเด็นร้อนแรงต่อเนื่องมาหลายเดือนติดต่อกันแล้ว

ไม่ว่าคดีทุจริต “เงินทอนวัด” ที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงกรมการศาสนาใช้โมเดลเดียวกันกับหลายสิบวัดทั่วประเทศ, คดีโกงเงินคนยากไร้ คนไร้ที่พึ่ง ผู้ติดเชื้อเอดส์ที่ลุกลาม ตรวจสอบพบการทุจริตของศูนย์สงเคราะห์ต่างๆ ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์กว่า 50 จังหวัดทั่วประเทศ หรือคดีโกงเงินทุนการศึกษา“กองทุนเสมาพัฒนาชีวิต” ของกระทรวงศึกษาธิการที่ทำมายาวนานเป็น 10 ปี สร้างความเดือดร้อนให้นักเรียนทุนหลายพื้นที่ จนอนาคตการศึกษาได้รับความเสียหายมาก ฯลฯ


หลายคดีทุจริตอื้อฉาวเหล่านี้ ถูกเปิดโปง ตรวจสอบ จับกุมติดๆ กัน มีครอบข่ายการโกงกินเป็นขบวนการกระจายทั่วประเทศ ทั้งดำเนินการกันอย่างต่อเนื่องยาวนาน แต่ว่ากันว่านั่นเป็นแค่เพียง“ยอดภูเขาน้ำแข็ง”เท่านั้น สิ่งที่ยังถูกปกปิดดังภูเขาทั้งลูกที่อยู่ใต้ทะเล ก็คือ การทุจริตคอร์รัปชั่นอีกมากมาย ในกระทรวงต่างๆที่ถูกฝังรากลึกมายาวนาน... รวมถึงในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เองด้วย

เป็นสาเหตุสำคัญทำให้งบประมาณพัฒนาประเทศและงบประมาณการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนลำเค็ญต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นพี่น้องเกษตรกร ไม่บรรลุวัตถุประสงค์ เกิดการรั่วไหลงบประมาณอย่างมโหฬาร ความเดือดร้อนต่างๆจึงไม่ได้รับการบำบัดแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพพอ จนปัญหาหมักหมม ความทุกข์ยาก ความยากจนเรื้อรังดังทุกวันนี้

เริ่มแรกของการเข้ายึดอำนาจรัฐ บริหารประเทศของรัฐบาล คสช.ได้สร้างจุดแข็งที่ทำให้ประชาชนจำนวนมากศรัทธาให้การสนับสนุน นั่นก็คือ ท่าทีเอาจริงเอาจังปราบปราม เอาผิดคอร์รัปชั่นรายใหญ่ๆโดยเฉพาะคดีค้างคาที่มีนักการเมือง อดีตรัฐบาลผู้บริหารประเทศได้ก่อความเสียหายต่อประเทศชาติไว้มโหฬาร ดังเช่นคดีทุจริตจำนำข้าวที่เงินหลวงเสียหายไปหลายแสนล้านบาท

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาก็สร้างกลไกศูนย์อำนวยการต่อต้านทุจริตแห่งชาติ(ศอตช.) บูรณาการการทำงานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามทุจริตให้ได้ผลยิ่งขึ้น รวมถึงใช้ดาบอาญาสิทธิ์“มาตรา 44” เป็นเครื่องมือโยกย้ายข้าราชการที่ต้องข้อกล่าวหาพัวพันคดีโกงกินต่างๆเป็นจำนวนมาก ทั้งเคยออกมติครม.สั่งให้หัวหน้าทุกหน่วยราชการเอาจริง จัดการปัญหาทุจริตในองค์กรของตน ฯลฯ จนปีแรกๆ ของรัฐบาล คสช. ปัญหาคอร์รัปชั่นเหมือนจะชะงักไป

แต่“เชื้อชั่ว”กลับไม่มีวันตาย เมื่อกลไกอย่าง ศอตช.เริ่มเฉื่อยลง คอร์รัปชั่นก็กลับมาแพร่ระบาด เป็นข่าวฉาวกระฉ่อน บั่นทอนคะแนนนิยมรัฐบาล จนล่าสุดการประชุมครม.สัปดาห์ที่แล้ว คสช.ก็ได้ชงมาตรการให้ครม.มีมติเพิ่มความเข้มข้นปราบปราบทุจริต โดยสั่งให้ทุกหน่วยราชการ“เอาจริง”จัดการปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมอีกครั้ง เช่น ถ้าเกิดการร้องเรียนทุจริตขึ้น ภายใน 7 วันต้องเร่งตั้งกรรมการสอบและให้สอบภายใน 30 วัน ถ้าผลสอบเบื้องต้นน่าเชื่อว่ามีการทุจริต ก็ให้ย้ายผู้เกี่ยวข้องออกจากตำแหน่ง เพื่อสอบสวนเอาผิดทางวินัยและอาญาต่อไป และภายใน 3 ปีห้ามย้ายกลับมาอยู่ตำแหน่งเดิม รวมถึงห้ามย้ายให้มีตำแหน่งที่สูงขึ้น เป็นต้น

หลายกระทรวงที่“แอ๊กทีฟ”เช่น กระทรวงศึกษาธิการที่มีคดีโกงเกิดขึ้นมากมาย ได้เอาจริงให้เห็นเป็นตัวอย่าง ขณะที่กระทรวงเกษตรฯก็ประเดิมโดยกรมชลประทาน ทำตามมติครม.ในคดี ผอ.โครงการชลประทานนครราชสีมาที่ถูกกล่าวหา“ส่อทุจริต”ในการขุดลอกพื้นที่ “แก้มลิง” 3 อำเภอ ซึ่งผลสอบเบื้องต้นพบ ไม่มีการขุดลอกจริง จึงถูกสั่งย้ายด่วน พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบเอาผิดต่อไป

ในกระทรวงเกษตรฯยังมีเรื่องราวไม่ชอบมาพากล“ส่อทุจริต”อีกมากมายที่ถูกหมกไว้อยู่ จึงถึงเวลาที่จะต้องเอาจริงกันเสียที แต่ก็หวังว่า จะไม่ใช่แค่“ไฟไหม้ฟาง” สนองนโยบายไปตามสถานการณ์พอเนิ่นนานไป ก็กลับไปเหมือนเดิมอีก ดังเช่นหลายๆ เรื่องที่เคยเป็นมาตลอด

ขณะเดียวกันก็หวังด้วยว่า ผู้มีอำนาจจะไม่ฉวยโอกาสนี้ ใช้เป็นข้ออ้าง “เขี่ย”หรือ “เลื่อยเก้าอี้” ผู้บริหารที่ถูกเขม่นอยู่ ดังที่เคยทำๆ กันมาเช่นกัน

สาโรช บุญแสง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

หวัง อี้ เชิญ รมว.กต. ไทย-กัมพูชา เคลียร์ใจที่ยูนนาน 28 ธ.ค. นี้

โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหารชั้นสัญญาบัตร 19 นาย

คิม จองอึน อวยพรปีใหม่ ปูติน ย้ำสัมพันธ์ 2 ประเทศเป็นสินทรัพย์ร่วมอันล้ำค่า

บ้านสมเด็จโพลล์ ชี้ คนกรุงเทพฯ 67.8 % พร้อมไปเลือกตั้ง ส่วนใหญ่เลือก พรรคประชาชน

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved