4 เม.ย. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้ชื่อ "ภูธเนศ ปัตถาพงษ์" ได้ตั้งประเด็นหัวข้อเปิดเสรีทรงผมนักเรียนไทย บน www.change.org เพื่อเปิดเสรีทรงผมนักเรียนไทย: เรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการยกเลิกกฎบังคับทรงผม
โดยระบุว่า เดิมทรงผมนักเรียนไทย เป็นกฎเพื่อใช้ปลูกฝังการเชื่อฟังคำสั่ง ปลูกฝังอำนาจนิยม ซึ่งทำให้เด็กไทยไม่รู้จักการรักษาสิทธิของตนเอง เพราะถ้าหากเราเป็นประเทศประชาธิปไตยแล้ว ก็ควรให้นักเรียนได้รักษาสิทธิ โดยสามารใช้สิทธิของตนเองได้อย่างเต็มรูปแบบ
สำหรับเหตุผลที่ควรเปิดเสรีทรงผมนักเรียนไทย ก็เพราะว่าขัดต่อบทบัญญัติติ รัฐธรรมนูญ และ หลักสิทธิมนุษยชน ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 หมวดที่ 3 ว่าด้วยสิทธิและเสรีของปวงชนชาวไทย มาตราที่ 28 บุคคลย่อมมีสิทธิ และ เสรีภาพ ในร่างกาย รวมถึงปฏิญญาสากล ว่าด้วยสิทธิมนุษยชน แห่งสหประชาชาติ ข้อที่ 3 บุคคลมีสิทธิ ในการดำเนินชีวิต ในเสรีธรรม และในความมั่นคงแก่ร่างกาย ซึ่งการมีอิสระเสรีในการทำผมนั้น เป็นสิทธิอันชอบธรรม และ เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ของบุคคลนั้น ๆ
ดังนั้น การมีกฎบังคับทรงผม เป็นการทรงเสริมให้ใช้อำนาจโดยมิชอบ ตัวอย่างคือ ในบางโรงเรียนมีการลงโทษนักเรียนที่ไม่ทำตามระเบียบโดยการ “กล้อนผมนักเรียน” มีการ “ข่มขู่” หรือ “ทำให้อาย” ซึ่งการกระทำเหล่านั้นแสดงให้เห็นว่าครู หรือ ผู้ใหญ่ กำลังใช้อำนาจโดยมิชอบกับนักเรียน มองนักเรียนเป็นเพียงเครื่องมือทางการศึกษา ที่จะสร้างผลงานให้กับตนเอง โดยไม่คำนึงถึงสภาพจิตใจ ถือว่าเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยาม ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างหนึ่ง
ประเด็นต่อมาการที่มีการบังคับทรงผมนักเรียนนั้น เป็นอีกเหตุหนึ่งปัจจัย ที่ทำให้ครู หรือ ผู้ใหญ่ที่ไม่สามารถควบคุมสภาวะอารมณ์ของตัวเอง ได้กระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องกับนักเรียน ถ้าหากยกเลิกข้อบังคับเรื่องทรงผมนักเรียนได้ ก็จะลดปัญหาการใช้อำนาจโดยมิชอบจากผู้ใหญ่ และ นักเรียนมีสภาวะจิตใจที่ดีมากขึ้นต่อการไปโรงเรียน โดยผมมองว่าสถานศึกษาควรเป็นสถานที่มุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพการศึกษา และ พัฒนาจิตใจ ของผู้เรียน
ยกตัวอย่าง ประเทศฟินแลนด์ เป็นประเทศที่ได้ชื่อว่า การศึกษาดีที่สุดในโลก ที่นั่นไม่มีกฎบังคับทรงผม แต่ผู้สอนจะมุ่งเน้นด้านการศึกษา โดยใช้จิตวิทยาสำหรับเด็ก เพราะให้ความสำคัญกับจิตใจผู้เรียน และ การศึกษามากกว่าสิ่งอื่น ที่ไม่จำเป็น
สุดท้ายผมขอเรียกร้องให้ผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาด้านการศึกษาเปิดใจและมุ่งเน้นการพัฒนาด้านการศึกษามากกว่ากฎเกณฑ์ที่ละเมิดสิทธิ กฎเกณฑ์ที่บั่นทอนจิตใจทำลายความมั่นใจ เพราะเด็กก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่ต้องการความมั่นใจ ความสบายใจ ซึ่งหากมีคุณภาพจิตใจที่ดีแล้ว ก็จะมีความพร้อมที่จะเรียนรู้ ก็จะทำให้มีประสิทธิภาพในการเรียรู้มากขึ้น เพราะคุณภาพของจิตใจ ก็เป็นอีกเหตุปัจจัยหนึ่ง ที่มีความสำคัญต่อการศึกษาเช่นกัน
หลังจากหัวข้อนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ต่างมีผู้เข้ามาสนับสนุนแล้ว 13,180 คน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี