5 เม.ย.61 นางประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวในงานสัมมนาวิชาการ “Leading by Example : รัฐวิสาหกิจไทยสู่ต้นแบบการทำธุรกิจที่เคารพสิทธิมนุษยชน” ณ โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ ย่านหลักสี่ กรุงเทพฯ ว่า โลกยุคปัจจุบันไม่นิยมใช้มาตรการตั้งกำแพงภาษีอีกแล้ว แต่หันมาตรวจสอบว่าธุรกิจนั้นๆ ไปละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น กดค่าแรง ใช้แรงงานเด็ก ใช้แรงงานไม่มีวันหยุดพักหรือไม่ หากมีภาพดังกล่าวชาวโลกก็จะไม่ยอมรับ ทำให้ไม่สามารถค้าขายกับใครได้
ซึ่งเรื่องนี้ต้องยอมรับว่ารัฐบาลปัจจุบันที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะมีที่มาจากทหารแต่ก็ส่งสัญญาณว่าให้ความสำคัญกับประเด็นธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน โดยที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้กำชับให้การดำเนินการของรัฐวิสาหกิจ อันเป็นส่วนธุรกิจของภาครัฐต้องไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้รัฐบาลไทยยังได้เชิญนายดันเต เปสเซ (Dante Pesce) รองประธานคณะทำงานว่าด้วยสิทธิมนุษยชนกับบรรษัทข้ามชาติและการประกอบธุรกิจอื่นๆ ของสหประชาชาติ (UN Working Group) มาให้ความรู้ว่าด้วยรัฐวิสาหกิจกับสิทธิมนุษยชนด้วย
นางประกายรัตน์ กล่าวต่อไปว่า ภาครัฐมีหน้าที่หลักคือการออกกฎหมายหรือนโยบายต่างๆ แต่อีกด้านหนึ่งภาครัฐก็ทำหน้าที่เป็นพ่อค้าด้วย หรือก็คือองค์กรรัฐวิสาหกิจต่างๆ ซึ่งแม้ภาคธุรกิจที่เป็นภาคเอกชนจะสำคัญ แต่โดยส่วนตัวมองว่าภาคธุรกิจที่เป็นรัฐวิสาหกิจนั้นสำคัญกว่า องค์การสหประชาชาติจึงอยากให้รัฐวิสาหกิจเป็นต้นแบบในการทำธุรกิจที่เคารพสิทธิมนุษยชน
ประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์
“อยากให้ 56 รัฐวิสาหกิจไทย เป็นต้นแบบในการทำธุรกิจที่เคารพสิทธิมนุษยชนจริงๆ ในประเทศนี้ และอยากให้ส่งสัญญาณไปในภูมิภาคนี้ด้วย” นางประกายรัตน์ กล่าว
นางประกายรัตน์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามจากข้อร้องเรียนการละเมิดสิทธิที่ กสม.ได้รับเฉลี่ย 700 - 800 เรื่องต่อปี ในจำนวนนี้มีจำนวนไม่น้อยที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจ โดยกลุ่มรัฐวิสาหกิจที่ได้รับการร้องเรียนมากที่สุดคือภาคการคมนาคมขนส่ง เช่น รถไฟฟ้าที่คนพิการไม่ได้รับความสะดวกในการใช้ลิฟต์ สายการบินบางแห่งประกาศไม่ให้ผู้พิการโดยสาร หรือโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคที่ชุมชนได้รับผลกระทบจากฝุ่นควันและเสียง รองลงมาเป็นภาคพลังงาน เช่น การจ่ายค่าเวนคืนเหมาะสมหรือไม่ หรือกังวลด้านสิ่งแวดล้อม
“คุ้มครอง” (Protect) , “เคารพ” (Respect) , “เยียวยา” (Remedy) : หลัก 3 ประการว่าด้วยการทำธุรกิจที่คำนึงถึงสิทธิมนุษยชน ตามที่องค์การสหประชาชาติ (UN) ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจนำไปปฏิบัติ
ภาพประกอบ : shiftproject.org
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นของบริษัทลูก หรือการจัดซื้อจัดจ้างภาคเอกชน ที่แม้ตัวรัฐวิสาหกิจจะยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนอย่างดี แต่ความท้าทายคือจะสามารถบังคับให้บริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจ รวมถึงองค์กรที่เข้ามาร่วมงานกับรัฐวิสาหกิจปฏิบัติเช่นเดียวกันได้อย่างไร ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเพราะมีไม่กี่เรื่องๆ เช่น สิทธิแรงงาน สิทธิชุมชน สิ่งแวดล้อม และหากทำได้ธุรกิจก็จะเติบโตอย่างยั่งยืนและสง่างาม
“เคยถูกนักธุรกิจยกมือถามที่ญี่ปุ่น บอกว่าถ้าทำแล้วจะบอกกับผู้ถือหุ้นอย่างไร เพราะนี่มันเพิ่มต้นทุน ก็บอกว่าให้ตอบไปเลย ท่านผู้ถือหุ้นจะรวยไม่เลิก เพราะถ้าท่านทำถูกต้องธุรกิจท่านก็จะยั่งยืน ไม่มีความเสี่ยง กำไรมันก็จะมหาศาล แม้ตอนเริ่มต้นจะต้องใช้เวลา ใช้กำลังและทรัพยากรบ้าง” นางประกายรัตน์ กล่าวย้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี