11 เม.ย.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.30 น.มีผู้ขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง นำซองเอกสาร จ่าหน้าถึง "ผู้สื่อข่าวทุกสำนัก ศธ." มาส่งที่ห้องสื่อมวลชนประจำกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยเป็นจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2 จำนวน 1 แผ่น หน้า-หลัง ท้ายจดหมายลงชื่อ นางรจนา สินที อดีตข้าราชการระดับ 8 ที่ถูกไล่ออกจากราชการ กรณีทุจริตกองทุนเงินเสมาพัฒนาชีวิต
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามผู้ขับรถจักรยานยนต์ที่มาส่งจดหมายดังกล่าว โดยตอบเพียงว่า "มีผู้ว่าจ้างจากเมืองทองธานี ให้นำเอกสารดังกล่าวมาส่งที่ห้องสื่อมวลชน ศธ.โดยไม่รู้รายละเอียดอื่นๆ"
สำหรับเนื้อหาในจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2 ระบุว่า กราบเรียน นายกรัฐมนตรี (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ตามที่ดิฉัน นางรจนา สินที อดีตข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ระดับชำนาญการพิเศษ ซึ่งรับผิดชอบ "กองทุนเสมาพัฒนาชีวิต" ได้กราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรีตามจดหมายเปิดผนึกฉบับก่อนไปในหลายประเด็น ซึ่งพบว่าทางรัฐบาลได้มีการเร่งรัดบางคดีที่เกิดการทุจริตได้อย่างดี ซึ่งทำให้ยุติความเสียหายต่อราชการและประชาชนได้ทันท่วงที และนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ "อย่างรวดเร็ว" และเป็นธรรมได้บาง อันจะทำให้เกิดความยำเกรงต่อไป
ทั้งนี้ การที่ดิฉันได้ออกจดหมายฯ ฉบับที่ 2 นี้ ก็เพื่อนำกราบเรียนข้อความจริงที่สังคมควรจะต้องรับรู้ และมีประเด็นที่บ้านเมืองจะได้ประโยชน์จากการนำเสนอข้อมูลข่าวสารในช่วงเวลานี้ กล่าวคือ
1.กรณีของดิฉันที่ได้กราบเรียนไปว่าการพิจารณาโทษทางวินัยนั้น กระทำการโดยเร่งด่วน รวบรัด ประเด็นการพิจารณาโทษทางวินัยของดิฉันที่กระทำการโดยเร่งด่วน รวบรัด ผิดหลักการขาดความชอบธรรม ไม่มีการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อเรียกสอบสวน ตามที่ควรจะเป็น และเร่งรีบสรุปผลสอบวินัยทันที จำนวนเงินยังไม่ได้ข้อยุติต้องสืบค้น ทั้งนี้ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ทำหน้าที่ในกรณีนี้ก็ส่อพฤติกรรมมีข้อสงสัยให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน และยังลุแก่อำนาจในบางประการ อาทิ
1.1 ในการให้ข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และฉบับอื่นๆ ฉบับวันที่ 6 เม.ย.61 หน้าที่ 13 ของ นายอรรถพล ตรึกตรอง ประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ระบุว่ามีการนัดหมาย นางรจนา สินที ให้ปากคำในวันที่ 5 เม.ย.61 และกล่าวว่า "ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้โทรไปคุยกับ นางรจนา สินที เพื่อสอบถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้น โดยนางรจนา พูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ไม่สดชื่น พร้อมยังยืนยันว่าการดำเนินการเพียงคนเดียว" ซึ่ง นายอรรถพล กล่าวเท็จทั้งสิ้น เพราะว่าดิฉันไม่เคยได้รับการติดต่อไปให้ปากคำแต่อย่างใด ส่วนที่แจ้งว่าโทรหาดิฉันนั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะโทรศัพท์ของดิฉันได้ถูกเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.เก็บไปในวันที่บุกค้นบ้านของดิฉัน เมื่อวันที่ 23 มี.ค.61 และในช่วงนี้ดิฉันถูกโทษวินัยร้ายแรงไล่ออกจากราชการแล้ว จะให้ไปสอบอะไรอีกท่านเป็นผู้ใหญ่แล้ว "โปรดอย่าพูดปด เอาดีใส่ตัว ชั่วให้คนอื่น"
1.2 ในช่วงเวลาต่อมา นายอรรถพล ก็ได้ให้ข้อมูลต่อสื่อว่าดิฉันเข้าไปเกี่ยวข้องกับการโอนเงินไปให้บุคคล หน่วยงานอีกหลายแห่ง แม้กระทั่งว่าบังคับให้เด็กเปิดบัญชีเอาเงินผ่านเพื่อ "โกงรัฐ" อย่างน่าอับอาย ซึ่งไม่เป็นความจริง
1.3 ขณะเดียวกัน ก็ใช้อำนาจเรียกโดยวาจา ให้ข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับกรณีของดิฉันมารายงานตัวให้ข้อมูล ทั้งที่คนเหล่านี้ยังบริสุทธิ์ และบางคนไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ
ด้วยความเคารพต่ออดีตผู้บังคับบัญชาดิฉันกล้ารับถูก รับผิด ถ้าเรากระทำจริง แต่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่บางคนที่เข้ามาเกี่ยวกับการรักษาผลประโยชน์รัฐและพิทักษ์ความเป็นธรรมแล้วมีพฤติกรรม ดังกล่าวที่ว่า "บุคคลใดกล่าววาจาเป็นเท็จนอกจากจะไม่สุจริตแล้ว จะหาความเที่ยงธรรมก็ลำบากเหลือประดา"
จึงกราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรีโปรดพิจารณาตรวจสอบพฤติกรรมของข้าราชการท่านดังกล่าว เหมาะสมในการทำหน้าที่ตรวจสอบให้ความเป็นธรรมหรือไม่ และอาจเข้าข่ายทำผิดระเบียบวินัยและกฎหมายกรณีการให้สัมภาษณ์สื่อต่างๆ ซึ่งอาจทำให้ราชการเสียหายด้วยหรือไม่
2.ในกรณีคดีทุจริตคอรัปชันในกระทรวงศึกษาธิการจำนวนมากที่ผ่านมา โปรดสั่งให้ตรวจสอบด้วยว่าความเสียหายเป็นอย่างไร เช่น
2.1 คดีในสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) หลายคดีความเสียหายหลายพันล้านบาท
2.2 คดีการก่อสร้างสนามฟุตซอลทั่วประเทศ เสียหายหลายร้อยล้านบาท
2.3 โครงการไทยเข้มแข็งของอาชีวศึกษา เสียหายหลายพันล้านบาท
2.4 ความเสียหายการสร้างอควาเรียมสงขลา เสียหายกว่าพันล้านบาท
2.5 ความเสียหายโครงการ MOE NET ศธ.เสียหายกว่า 3,000 ล้านบาท
2.6 ความเสียหายโครงการ CCTV ใต้ เสียหายกว่า 400 ล้านบาท ฯลฯ
3.กรณีการทุจริต "โกงเงินคนจน" ในกระทรวง พม.เป็นปรากฏการณ์เกิดขึ้นแทบุกจังหวัดทั่วประเทศ ผู้กระทำผิดจำนวนมาก ความเสียหายจำนวนมาก และส่งผลต่อผู้ด้อยโอกาสจำนวนมาก หลักฐานชัดเจน แต่การลงโทษทางวินัยข้าราชการระดับสูง "ให้ออกชั่วคราว" ทำไมไม่กระทำเป็นบรรทัดฐานเดียว กับกรณีของดิฉันซึ่งโทษถึงขั้น "ไล่ออกจากราชการแล้ว"
ท้ายนี้ ดิฉันขอยืนยันว่า จะไม่หนี จะสู้ตามกระบวนการยุติธรรมของไทย และกรณีมีผู้สงสัยว่าจดหมายเปิดผนึก ฉบับลงวันที่ 5 เม.ย.61 นั้น เป็นของดิฉันหรือไม่นั้น ดิฉันยืนยันอีกครั้งว่า เป็นความมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะเสนอข้อมูลที่จะเกิดประโยชน์กับสังคมเช่นนี้เป็นระยะ เพื่อปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของดิฉันและของเพื่อนข้าราชการทุกคนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่ได้รับความเป็นธรรม ตลอดทั้งเป็นการรักษาผลประโยชน์ของชาติและประเทศให้ถึงที่สุด
ทั้งนี้ ท้ายจดหมายเปิดผนึก ขอแสดงความนับถือ รสนา สินที 11 เม.ย.61
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิดจม.อ้างชื่อ‘รจนา’โผล่ศธ. แฉยับ‘12โปรเจ็คโกง’ยังลงโทษใครไม่ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี