ได้รับหนังสือเชิญ จากสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย ให้ไปร่วมสัมมนาเรื่อง “การจำกัดการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช ทำไม? ใครได้-ใครเสีย? มีทางออกหรือไม่?” ในวันที่ 19 เมษายน 2561 นี้ ที่ห้องประชุม กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กรมวิชาการเกษตร
งานนี้ระบุวัตถุประสงค์มาว่า เพื่อนำข้อมูลไปประกอบการพิจารณากำหนดนโยบายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการสารกำจัดวัชพืชของประเทศไทย และนำเสนอข้อเสนอแนะไปยังผู้มีอำนาจหรือผู้ที่เกี่ยวข้องประกอบการพิจารณา เพื่อนำไปสู่การรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกร และภาคเกษตรของไทยบนพื้นฐานของความปลอดภัยต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
งานนี้ มีการบรรยายพิเศษ เรื่อง “การผลิตและการส่งออกสินค้าเกษตรไทยยัง(ต้อง)ไปต่อ” โดย พรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย เรื่อง “นโยบายการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช” โดย อธิบดีกรมวิชาการเกษตร สุวิทย์ ชัยเกียรติยศ..ผู้ซึ่งมีข่าวลือว่าจะลาออกก่อนเกษียณในเดือนกันยายน นี้ ไม่รู้ว่าเพราะเรื่องสารเคมีที่ปวดหัวนี่หรือไม่...เรื่อง “ความปลอดภัยของไกลโฟเสตล่าสุด” โดย ดร.ฮาร์วี กลิค ซึ่งไม่ได้ระบุตำแหน่งว่าเป็นใคร
จากนั้นในช่วงบ่ายจะเป็นการอภิปรายคณะ โดยผู้แทนเกษตรกรผู้ปลูกยาง ปลูกมะนาว ปลูกปาล์มน้ำมัน ผู้แทนไทยแพน และผู้แทนจากบริษัท มอนซานโต้ ประเทศไทย จำกัด
อันที่จริงเรื่องของสารกำจัดวัชพืชนี้ มีประเด็นมานานนับแรมปี แรมปีจริงๆ...ย้อนกลับไปเมื่อปี 2559 มีสัญญาณจากเอ็นจีโอสายเกษตรในบ้านเรา เรียกร้องให้แบนสารกำจัดวัชพืช โดยอ้างว่ามีพิษตกค้างในผลผลิตและสิ่งแวดล้อม เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค และเกษตรกรผู้ใช้สารเอง พร้อมทั้งอ้างว่าประเทศที่พัฒนาทั้งหลายเขาแบน หรือเลิกใช้กันไปหมดแล้ว แต่ก็มีกระแสคัดค้านจากเกษตรกร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงประโยชน์ของสารกำจัดวัชพืชถ้าใช้อย่างถูกวิธี
ต่อมาเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2560 มีการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนปัญหาการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง ครั้งที่ 4/2560 ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธาน ที่ประชุมมีมติให้ประกาศยกเลิกการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช 2 ชนิด คือ พาราควอท และ คลอร์ไพรีฟอสตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 โดยห้ามนำเข้าสารเคมีทั้ง 2 ชนิด ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 เป็นต้นไป
พาราควอท คือ สารกำจัดวัชพืช คลอร์ไพรีฟอส คือสารกำจัดแมลง ซึ่งทั้ง 2 ชนิด มีเกษตรกรใช้อยู่เป็นจำนวนมาก การยกเลิกการนำเข้าสร้างความเดือดร้อนให้เกษตรกรจำนวนไม่น้อย มีผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตพืชเศรษฐกิจที่สำคัญหลายชนิด เกษตรกรจึงคัดค้าน ฝ่ายเอ็นจีโอ ก็พยายามนำเสนอผลการวิจัยของนักวิจัยหลายสถาบัน เพื่อยืนยันว่าสารเคมีดังกล่าวมีพิษตกค้างจริงๆ เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ถึงขั้นเสียชีวิตก็มี รวมไปถึงอันตรายต่อหญิงมีครรภ์ซึ่งจะทำให้ทารกในครรภ์พิกลกิการได้ แต่ข้อมูลงานวิจัยไม่แน่นพอ ถูกนักวิจัยจริงๆ ตอบโต้เป็นเรื่องๆ ไป จนน่ากังวลว่านักวิจัยบ้านเรามีจรรยาบรรณของนักวิจัยมากน้อยเพียงไร
เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2560 มีในการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2560 มี ที่ประชุมได้แต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อพิจารณาการกำหนดให้พาราควอท และ คลอร์
ไพรีฟอสเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ที่ห้ามผลิต นำเข้า ส่งออก และมีไว้ในครอบครอง พร้อมทั้งจำกัดการใช้สารไกลโฟเสตซึ่งเป็นสารกำจัดวัชพืชอีกชนิดหนึ่งตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 เป็นต้นไป ตามข้อเสนอของคณะกรรมการขับเคลื่อนปัญหาการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง ขณะเดียวกันคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ เอง ก็ตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาควบคุมวัตถุอันตราย พาราควอต คลอร์ไพรีฟอส และ ไกลโฟเสตขึ้นมาหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน
นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วยังไม่มีข้อสรุป ล่าสุด รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร อุทัย นพคุณวงศ์ออกมาบอกว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาควบคุมวัตถุอันตรายฯ กำลังรวบรวมข้อมูลจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนนี้ เพื่อนำเสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนปัญหาการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูงภายในเดือนพฤษภาคม ส่วนจะออกหัวหรือก้อย ต้องรอดูกันต่อไป
แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เกษตรกรโอดครวญมาว่า ข่าวการแบน หรือ จำกัดการใช้สารกำจัดวัชพืช ทำให้พ่อค้าฉวยโอกาสขึ้นราคาสารกำจัดวัชพืชไปแล้วกว่า 60%.....นี่แหละของจริง ไม่ต้องรอผลการพิจารณาจากใคร...กระทรวงพาณิชย์ทราบเรื่องนี้หรือไม่เจ้าคะ
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี