15 เม.ย. 61 จากกรณีเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายสวมหมวกนิรภัย ซึ่งคาดว่าจะเป็นชาว ต่างชาติ บุกเข้าไปทำร้าย น.ส.สุนีย์ แก้วอยู่ อายุ 30 ปี พนักงานสาวบูธแลกเงินจนสลบขณะเปิดสำนัก งาน ก่อนจะชิงเอากระเป๋าใส่เงินเกือบ 1,000,000 บาทหลบหนีไป ภายในบูธแลกเงินตราต่างประเทศ CC Exchange ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท ตรงข้ามโรงแรมแอมบาสซาเดอร์ จอมเทียน หมู่ที่ 2 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ. ชลบุรี จากนั้นจึงขึ้นรถ จยย.ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ สีดำ ทะเบียน 1กร-2825 ชลบุรี หลบหนีไป โดยจากการตรวจสอบทราบว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถจักรยานยนต์เช่า ซึ่งหลังเกิดเหตุรถถูกนำมาจอดไว้ภายในบ้านเลขที่ 119/96 หมู่บ้านดุสิตเลค 2 ซ.วัดญาณสังวราราม ม.11 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ แต่ไม่พบตัวคนร้าย โดยทราบว่าหลังนำรถมาจอดได้เปลี่ยนรถยนต์และขับออกจากบ้านพักไปพร้อมภรรยาก่อนเจ้าหน้าที่จะมาถึงได้เพียงไม่นาน
เบื้องต้นสืบทราบว่าผู้ต้องสงสัยเป็นชายสัญรัสเซีย ทราบชื่อ MR. NIKOLAY RYBALOV อายุ 32 ปี จึงเร่งประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจทางหลวง และตำรวจท่องเที่ยว รวมทั้งตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียง ออกตั้งด่าน ติดตามหาตัวคนร้าย รายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป กระทั่งต่อมาในช่วงเย็นวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นเข้าเมือง ได้ทำการควบคุมตัว MR. NIKOLAY RYBALOV อายุ 32 ปี สัญชาติรัสเซีย ได้คาสนามบินสุวรรณภูมิพร้อมเงินสดจำนวนหนึ่ง ขณะเตรียมตัวเดินทางออกนอกประเทศ บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง ก่อนจะนำตัวมาสอบปากคำที่ สภ.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
มีรายงานว่าวันนี้ (15 เม.ย.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวราขาน รอง ผบ.ตร.เดินทางมายัง สภ.นาจอมเทียน เพื่อร่วมสอบปากคำ MR. NIKOLAY โดยมี พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผบช.ภาค 2 พ.ต.อ.อาทร ชิ้นทอง ผกก.สภ.นาจอมเทียน พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ เอกสาร สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวพัทยา กำลัง ตม.ชลบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม พร้อมกันนี้ยังได้เชิญตัว น.ส.ชัชชญา ชัยยะยางกูร อายุ 33 ปี เจ้าของบูธเงินดังกล่าวเข้าร่วม ซึ่งจากการนำตัว Mr.NiKolay เบื้องต้นยังคงให้การภาคเสธ
พล.ต.อ.เฉลิมกียรติ ศรีวราขาน รอง ผบ.ตร.เปิดเผยภายหลังการสอบปากคำ Mr.NiKolay เบื้อง ต้นทราบว่า ผู้ต้องหาเดินทางเข้ามาในประเทศไทยกว่า 3 เดือนแล้ว โดยเช่าบ้านอยู่กับภรรยาในบ้านที่เข้าตรวจค้น โดยเคยมีอดีตเป็นทหารในรัสเซียต่อมาได้ออกมาทำอาชีพค้าคอนโดและรถยนต์ ก่อนเตรียมแผนจะย้ายมาปักหลักที่เมืองพัทยาโดยไปหาสมัครงานตาม Fitness ต่างๆแต่ยังหางานทำไม่ได้จนเงินใกล้หมด จึงอาจเป็นกรณีที่ตัดสินใจก่อเหตุในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นผู้ต้องหายังคงให้การภาคเสธ
โดยกล่าวว่า ทรัพย์สินที่พบเป็นเงินสดทั้งไทยและเงินดอลลาร์มีมากรวมจำนวนกว่า 997,097 บาท เป็นทรัพย์สินส่วน ตัว ซึ่งกรณีนี้ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่สามารถกระทำได้ แต่จากการตรวจพบของกลางทั้ง เสื้อผ้า รถจักร ยานยนต์ รถ ยนต์ ถุงมือ และหมวกนิรภัยที่พบน้านพัก รวมทั้งเงินสดและเป้บรรจุเงินที่สนามบิน พบว่ามีลักษณะตรงกันและใกล้เคียงกับภาพวงจรปิดอย่างมาก ซึ่งจากนี้จะได้นำหลักฐานทั้งหมดส่งไปตรวจพิสูจน์ที่นิติวิทยาศาสตร์ จากนั้นจะได้รวบรวมสำนวนเพื่อส่งฟ้องศาลต่อไป โดยได้ตั้งข้อกล่าวหาไว้ 2 ประเด็น ได้แก่ 1.ชิงทรัพย์โดยใช้ยาน พาหนะ และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมกันนี้จะได้ทำการสอบสวนขยายผลผู้ร่วมขบวนการอีกด้วย อาทิ ภรรของผู้ต้องหาซึ่งไม่ทราบได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
ขณะที่ น.ส.ชัชชญา ชัยยะยางกูร เจ้าของกิจการ พร้อมพนักงานนำกระเช้าส่งมอบให้กับรอง ผบ.ตร.เพื่อแสดงความขอบคุณ ก่อนจะเปิดเผยว่ารู้สึกดีใจและอุ่นใจเป็นอย่างมากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และสามาถติดตามจับกุมคนร้ายได้ในระยะเวลาอันสั้น ก่อนที่ผู้ต้องสงสัยจะหลบ หนีออกนอกประเทศ ส่วนเงินที่ถูกก่อเหตุนั้นมีจำนวนทั้งสิ้น 6.7 แสนบาทนั้นยังไม่ทราบได้ว่าผู้ต้องหานำ ไปใช้อะไรบ้างแล้ว แต่ก็ยังดีใจแม้จะได้คืนไม่เต็มจำนวน ขณะที่ น.ส.สุนีย์ แก้วอยู่ อายุ 30 ปี พนักงานที่ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บนั้น หลังเกิดเหตุได้นำตัวส่ง รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งพบว่าอาการหนักพอสมควร แต่ไม่มีอาการกระทบกระเทือนทางสมอง และภาวะจิตใจดีขึ้นแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี