17 เม.ย. 61 จากเหตุการณ์เรือสปีดโป๊ทเกิดเหตุระเบิด ไฟไหม้เสียหายทั้ง 2 ลำ ขณะจอดเทียบท่าเรือทับละมุ ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 ราย ชายพม่า 1 ราย และมี 2 ราย ชื่อนาย ณัฐพงษ์ เครือจันทร์ อายุ 22 ปี เป็นกัปตันเรือถูกไฟไหม้ตามร่างกายบริเวณใบหน้าและแขนขาทั้งสองข้าง อาการสาหัส และ เด็กชายอภิรักษ์ แดงกุล อายุ12 ปี ถูกไฟไหม้ที่ใบหน้า แขน ขาเช่นกัน ทั้งหมดถูกนำส่ง รักษาที่ รพ.ตะกั่วป่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 เมษายน 61 ที่ผ่านมา ล่าสุดได้เมื่อวันที่ 17เมษายน 2561 ทางนายแพทย์จรัญ บุญฤทธิการ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตะกั่วป่า พร้อมด้วยนายยงยุทธ ส่องรอบ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร
นางสาว อุมากร แพใหญ่ กำนัน ตำบลลำแก่น เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ ได้เข้าเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ป่วยและญาติ ที่ประสบเหตุไฟใหม้ ในเหตุการณ์เรือสปีดโบ๊ทระเบิดครั้งนี้ จำนวน 2 ราย ซึ่งผู้ป่วยทั้งสองรายยังนอนรักษาตัวอยู่ในห้อง ไอ ซี ยู รพ.ตะกั่วป่า ซึ่งแพทย์ ที่ทำการรักษารายงานว่า ผู้ป่วย ทั้งสองราย แพทย์ สามารถช่วยเหลือพ้นขีดอันตราย แต่ต้องระวังการติดเชื้อเป็นพิเศษ ,ขั้นตอนการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลตะกั่วป่า โดยผู้ป่วยทั้ง 2 รายสามารถใช้สิทธิการรักษาพยาบาลได้ตามสิทธิ์ของผู้ป่วย โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลแต่อย่างใด ทาง รพ.ตะกั่วป่า จึงขอแจงให้ทราบว่า ทางแพทย์ พยาบาล ดูแล รักษาผู้ป่วยเป็นอย่างดี และจากกรณี ที่มีเฟสฯ รายหนึ่ง ถ่ายรูปเด็กผู้ป่วย อายุ 12 ปี นอนรักษาตัวอยู่บนเตียงผู้ป่วย ลักษณะร่างกายไฟไหม้ ขอเงินช่วยเหลือบริจาคเป็นค่ารักษานั้น ขอชี้แจงว่า ทาง รพ.ตะกั่วป่า ไม่ได้เก็บค่ารักษาแต่อย่างใด
นายแพทย์จรัญ บุญฤทธิการ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตะกั่วป่า กล่าวว่า จากกรณีที่เกิดเหตุไฟไหม้เรือเมื่อวันที่ 11 เมษายน 61 ที่ผ่านมาได้มีผู้ป่วยจำนวนสองรายเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลตะกั่วป่า ซึ่งขณะนี้ผู้ป่วยทั้ง 2 ราย ได้นอนรักษาอาการที่โรงพยาบาลตะกั่วป่า ซึ่งขณะนี้ผู้ป่วยที่นอนรักษาภายในห้องไอซียูมีอาการค่อนข้างที่จะหนักพอสมควร จากช่วงวันที่ 11 เม.ษ.61จนถึงวันนี้ทางแพทย์ พยาบาล ได้นำเข้าห้องผ่าตัดเพื่อรักษา ล้างแผล ทำความสะอาดบาดแผลที่เกิดจากสาเหตุไฟไหม้ เนื่องจากเจอความร้อนเจอไฟ ที่เกิดจากอุบัติเหตุเรือระเบิดไฟไหม้ สำหรับการดูแลรักษาผู้ป่วยทางเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลได้เตรียมแผนการรักษา ให้ผู้ป่วยลดอาการบาดเจ็บจากภัยที่ถูกไฟไหม้
เพราะแผลที่ถูกไฟไหม้มีอาการที่รุนแรงประมาณ 70 % ซึ่งทางเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องให้สารละลายเป็นอาหารทางหลอดเลือด และผู้ป่วยยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่และยังต้องพาเข้าห้องผ่าตัดซึ่งขณะนี้คนไข้ยังรักษาอยู่ในห้อง ไอซียู สิ่งที่ทางแพทย์ต้องรักษาให้คนไข้ลดอาการบาดเจ็บ และป้องกันไม่ให้คนไข้ติดเชื้อ เพราะผู้ป่วยที่ถูกไฟไหม้เมื่อผิวหนังไม่มีก็อาจติดเชื้อได้ ทางแพทย์ และพยาบาลได้ดูแลรักษาอาการอย่างใกล้ชิด ส่วนผู้ป่วยทั้ง 2 ราย ได้มีสิทธิบัตรทอง บัตร 30 บาท ในการรักษาพยาบาลได้ตามสิทธิ์ของผู้ป่วยฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลตามนโยบายของรัฐบาล
ทางด้าน นางสาว อุมากร แพใหญ่ กำนัน ตำบลลำแก่น อ.ท้ายเหมือง เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ ได้กล่าวว่า ขณะนี้ได้เดินทางมาดูอาการผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งขณะนี้นอนรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลตะกั่วป่า และได้รักษาตามสิทธิ์ฉุกเฉินไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ขณะนี้ตนเองได้ประสานไปยังบริษัทเรือทัวร์ท่องเที่ยวที่เกิดเหตุให้เข้ามาดูแลในเรื่องนี้ เบื้องต้นทราบว่าทางบริษัทเรือได้ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในเรื่องนี้อยู่ และมีหลายหน่วยงานได้เข้ามาช่วยเหลือไม่ได้ทอดทิ้งผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด โดยในเบื้องต้นได้ประสานไปยังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในเรื่องคดีเพื่อที่จะใช้เงินประกันของเรือในการดูแลรักษาให้ผู้ป่วยได้รักษาเป็นอย่างดี ซึ่งปกติน้อง 12 ปี ได้อยู่กับญาติที่จังหวัดสตูล และช่วงปิดเทอมได้โทรกลับมาหาแม่ในพื้นที่จังหวัดพังงา และได้ตามน้าเขยมาเที่ยวที่ท่าเรือและมาประสบเหตุได้รับบาดเจ็บ ต่อจากนี้จะประสานทางพ่อของเด็กที่แยกทางกันอยู่ให้เข้ามาดูอาการเพราะที่ผ่านมาน้องเค้าไม่ได้อยู่กับพ่อกับแม่ แล้วตอนนี้น้องเค้าต้องนอนรักษาอยู่ในห้องปลอดเชื้อซึ่งขณะนี้หลายหน่วยงานได้ติดต่อประสานพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 ราย ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี