ช่วงนี้ผลไม้ภาคตะวันออกทั้งทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง เริ่มทยอยออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สำรวจพื้นที่พบว่าผลไม้ทั้ง 4 ชนิด มีเนื้อที่ให้ผลเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว แต่มีผลผลิตลดลง เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวน
ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สศก. โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 จังหวัดชลบุรี (สศท.6) และศูนย์สารสนเทศการเกษตร ร่วมกับคณะทำงานสำรวจข้อมูลไม้ผลเศรษฐกิจภาคตะวันออก ได้บูรณาการสำรวจจัดทำข้อมูลปริมาณการผลิตไม้ผลเอกภาพปี 2561 โดยทำการวิเคราะห์ผลสำรวจในพื้นที่จังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนบริหารจัดการไม้ผลตั้งแต่ต้นฤดู สำหรับผลสำรวจข้อมูลเอกภาพพบว่า เนื้อที่ยืนต้นของไม้ผลทั้ง 4 ชนิด มีจำนวน 678,203 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่มีจำนวน 677,061 ไร่ คิดเป็นเนื้อที่เพิ่มขึ้น 1,142 ไร่ หรือ 0.17% โดยทุเรียน เพิ่มขึ้น 2.56% ขณะที่มังคุดลดลง 0.30% เงาะ ลดลง 1.63% และ ลองกอง ลดลง 8.97% เนื่องจากเกษตรกรมีการตัดโค่นต้นมังคุด เงาะ และลองกองเพื่อปลูกทุเรียนทดแทน เนื้อที่ให้ผลของไม้ผลทั้ง 4 ชนิด มีจำนวน 615,172 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่มีจำนวน 605,481 ไร่ เพิ่มขึ้น 9,691 ไร่ หรือ 1.60% โดยทุเรียน เพิ่มขึ้น 4.32% มังคุด เพิ่มขึ้น 1.49% ส่วนเงาะ ลดลง 0.94% ลองกอง ลดลง 6.89%
โดยผลผลิตรวมทั้ง 4 สินค้า มีประมาณ 647,522 ตัน ลดลงจากปี 2560 ที่มีจำนวน 792,113 ตัน ลดลง 144,591 ตัน หรือ 18.25% ลดลงทุกชนิด โดยมังคุด ลดลงมากที่สุด 64.81% รองลงมาคือ ลองกอง ลดลง 32.05% เงาะ ลดลง 9.81% และทุเรียน ลดลง 4.37% เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวน ทั้งอากาศหนาว ร้อน และฝนตก สลับในแต่ละวัน ทำให้ไม้ผลปรับสภาพต้นไม่ทัน ไม่เอื้ออำนวยในการติดดอก ออกผล ไม้ผลออกใบอ่อนแทนการออกดอก ทั้งนี้ ผลผลิตจะออกมากช่วงปลายเดือนพฤษภาคมต่อเนื่องถึงต้นเดือนมิถุนายน
ด้านผลผลิตต่อไร่ทั้ง 4 สินค้า พบว่าลดลงทุกสินค้า โดยผลผลิตต่อไร่ มังคุด ลดลงมากที่สุด 65.34% รองลงมา คือ ลองกอง ลดลง 27% เงาะ ลดลง 8.94% และ ทุเรียน ลดลง 8.31% เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวน ตั้งแต่ปลายปี 2560 ถึงต้นปี 2561 ในระยะที่ต้นไม้กำลังจะเริ่มติดดอก ออกผล ต้นไม้ปรับสภาพต้นไม่ทัน อีกทั้งในปีที่ผ่านมา มังคุดติดผลมาก และติดผลล่าช้า จึงพักสะสมอาหาร และคาดการณ์ปีนี้จะออกดอกล่าช้า บวกกับสภาพอากาศแปรปรวน เป็นการออกใบอ่อนแทนการออก นอกจากนี้ ต้นทุเรียนประสบปัญหาเชื้อราไฟทอปเธอราที่ระบาดในปี 2560 ทำให้ทุเรียนเป็นโรครากโคนเน่ายืนต้นตาย ขยายเป็นพื้นที่กว้างทั้งจังหวัดจันทบุรีและตราด โดยเฉพาะแหล่งผลิตใหญ่ในจังหวัดจันทบุรี ได้รับผลกระทบมากทำให้จำนวนต้นต่อไร่ที่ให้ผลผลิตได้ลดลง แม้จะมีต้นใหม่เริ่มให้ผลเพิ่มขึ้นในปีนี้ แต่ปริมาณการติดผลต่อต้นไม่มาก
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กำหนดแนวทางบริหารจัดการผลไม้ ปี 2561 ที่ยังคงเน้นเรื่องคุณภาพ ปริมาณ และความปลอดภัยเป็นสำคัญ ควบคู่กับการสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพผลผลิตสู่มาตรฐาน (GAP) และมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ส่งเสริมเกษตรกรให้รวมกลุ่มเพื่อผลิตไม้ผลในลักษณะแปลงใหญ่ อบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี ส่วนในเชิงปริมาณ เช่น การเชื่อมโยงตลาดล่วงหน้า การจัดทำแผนบริหารจัดการผลผลิตส่วนเกิน เป็นต้น โดยจังหวัดจะจัดทำรายละเอียดของแผนบริหารจัดการผลไม้ในพื้นที่โดยมีคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) เป็นแกนหลักในการกลั่นกรองเชื่อมโยงบูรณาการแผนงานหรือโครงการต่อไป
ส่วนด้านการบริหารจัดการเรื่องคุณภาพของสินค้า โดยเฉพาะคุณภาพของทุเรียน ที่ภาคตะวันออก เน้นให้ทั้งผู้ผลิตและผู้ค้า (ล้งและแม่ค้า) ตัด รับซื้อ และขายทุเรียนที่ได้อายุตัดตามมาตรฐาน มีการออกประกาศควบคุมและบทลงโทษของผู้กระทำผิด อีกทั้งสถานการณ์ในขณะนี้ สภาพดินฟ้าอากาศแปรปรวนในช่วงเดือนเมษายน มีพายุฤดูร้อนซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับไม้ผล ผลผลิตร่วงหล่นเสียหายเพิ่มเติมจากที่ผลวิเคราะห์ประมาณการผลผลิตไว้ในครั้งนี้ สศท.6 จะได้ติดตามสถานการณ์ ความเสียหายจากภัยต่างๆ ที่จะกระทบกับปริมาณผลผลิตในภาพรวมต่อไปทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 จังหวัดชลบุรี โทร. 0-3835-2435 หรืออี-เมล zone6@oae.go.th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี