ป.ป.ส.เปิดผลตรวจปัสสาวะ เจอสารเสพติดชายไทยร่วม'เกณฑ์ทหาร'นับหมื่นคน
19 เม.ย.61 นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) เปิดเผยถึงผลการตรวจสารเสพติดในปัสสาวะของชายไทย ที่เข้ารับการตรวจเลือกทหารปี 2561 ว่า ขณะนี้มีการนำเข้าข้อมูลสู่ระบบฐานข้อมูลของ ป.ป.ส.แล้ว 709 อำเภอ ใน 76 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร(กทม.) โดยมีการเกณฑ์ทหาร 182,910 คน พบสารเสพติด 12,209 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 6.7
ในจำนวนดังกล่าว แยกเป็น ผู้เสพยาบ้า 11,139 คน กัญชา 750 คน และสารเสพติดประเภทอื่น 213 คน ถูกส่งเข้ารับการบำบัดรักษาแล้ว 7,174 คน โดยส่งเข้ารับโปรแกรมบำบัดในโรงพยาบาล . 2,146 คน ส่งเข้าบำบัดในค่ายทหาร 5,028 คน ส่วนที่เหลืออีก 5,035 คน ยังอยู่ระหว่างการจัดส่งตัวเข้ารับการบำบัดรักษา สำหรับผู้ที่ตรวจพบสารเสพติดที่ถูกเกณฑ์ทหาร 3,128 คน จะได้รับการบำบัดในขณะที่เข้ารับการฝึก จังหวัดที่พบผู้เสพสารเสพติดมากที่สุดคือ กาฬสินธุ์ 678 คน นราธิวาส 609 คน และสงขลา 592 คน
สำหรับผลการตรวจปัสสาวะทหารกองเกิน ปี 61 ระหว่างวันที่ 1-12 เม.ย.ที่ผ่านมา จะมีการลงข้อมูลผู้ใช้สารเสพติดให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 20 เม.ย.นี้ โดยผู้ที่เข้ารับการคัดเลือกจะถูกตรวจปัสสาวะทุกราย ยกเว้นผู้ที่ขอผ่อนผัน ภายในปี 2561
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า ป.ป.ส.กำหนดเป้าหมายในการตรวจหาสารเสพติดไว้ที่ 516,240 คน ในส่วนของผลการดำเนินงานในปี 60 มีการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด 380,746 คน จากที่ตั้งเป้าไว้ 493,140 คน พบสารเสพติดในปัสสาวะผู้รับการเกณฑ์ทหาร 30,089 คน คิดเป็นร้อยละ 7.9 โดยจังหวัดที่พบผู้ใช้สารเสพติดมากที่สุด คือ สงขลา 1,836 คน อุดรธานี 1744 และอุบลราชธานี 1,547 คน
“สำหรับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาผู้ใช้สารเสพติดที่เข้ารับการเกณฑ์ทหารนั้น ป.ป.ส. กองทัพบก กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข ได้หารือกันกันแล้วว่ากรณีที่ตรวจพบสารเสพติดในปัสสาวะแล้วถูกเกณฑ์เข้าไปเป็นทหาร เป็นหน้าที่ของค่ายทหารฝึกทหารเกณฑ์ใหม่จะต้องเข้ารับการบำบัดในค่ายทหารนั้นๆในผลัดแรก ส่วนกลุ่มจับใบดำและไม่ต้องเป็นทหาร ป.ป.ส.และหน่วยงานทหารแต่ละภาคจะทำบันทึกทะเบียนประวัติ แล้วส่งเข้ารับการบำบัดรักษาตามภูมิลำเนา และส่งเข้าศูนย์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในแต่ละจังหวัดเป็นเวลา 13 วัน หลังจากสิ้นเดือน เม.ย.นี้” นายศิรินทร์ยา กล่าว
นายศิรินทร์ยา กล่าวด้วยว่า ผู้ที่เข้ารับการบำบัดโดยสมัครใจและผ่านการคัดกรองจากศูนย์คัดกรองของโรงพยาบาลประจำพื้นที่จะไม่ถูกดำเนินคดีอาญา และไม่มีการทำบันทึกทะเบียนประวัติ ตามคำสั่ง คสช.ที่ 108 ถือว่าคนกลุ่มนี้เป็นผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษา ส่วนผู้ที่ไม่มารายงานตัวเข้ารับการบำบัด หรือไม่ผ่านการคัดกรองก็จะถูกส่งตัวเข้าบังคับบำบัดตามโปรแกรมของกรมคุมประพฤติ ในกรณีที่ผ่านการบำบัดแล้วไม่กลับไปเสพซ้ำ ก็จะถูกลบประวัติออกจากทะเบียนประวัติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี