"กรมบังคับคดี"จับมือ"ธนาคารกรุงไทย"จัดบิ๊กมหกรรมเทขายล้างพอร์ต278รายการ มูลค่าทรัพย์เกือบพันล้านบาท ดึงเงินกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ หลังประสบความสำเร็จ2ไตรมาส ดึงเงินเข้าระบบกว่า67,000ล้านบาท
20 เม.ย.61 น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี แถลงผลการดำเนินงานของกรมบังคับคดีในไตรมาสที่ 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 มาตรการผลักดันทรัพย์สินรอการขายของกรมบังคับคดี สามารถผลักดันทรัพย์สินได้เป็นเงินจำนวน 35,275,434,885 บาท คิดเป็นร้อยละ 32.07 ของเป้าหมายจำนวน 110,000,000 บาท สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีงบประมาณ พ.ศ.2560 คิดเป็นร้อยละ 11.10 โดยการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้าสนับสนุนการผลักดันทรัพย์ในวันหยุดราชการ สามารถขายได้ 146 รายการ เป็นเงินทั้งสิ้น 1,527,376,000 บาท สูงกว่าราคาประเมิน คิดเป็นร้อยละ 83.58 เมื่อรวม 2 ไตรมาส (ต.ค.60 - มี.ค.61) เป็นเงิน 67,182 ล้านบาท คาดการณ์ว่าเมื่อถึงสิ้นปีงบประมาณ 61 จะได้เงินกลับเข้าสู่ระบบมากกว่า 110,000 ล้านบาท
ขณะที่ผลการผลักดันทรัพย์ในจังหวัดภาคใต้สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณ 2560 คิดเป็นร้อยละ 27.85 โดยจังหวัดสงขลา ปัตตานี และยะลา มีการผลักดันทรัพย์สูงที่สุดในพื้นที่ภาคใต้ สำหรับการจัดมหกรรมขายทอดตลาดในเขตพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ผลการขายทอดตลาดรวม 2 นัด สามารถขายได้ 250 รายการ เป็นเงินทั้งสิ้น 438,677,000 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาประเมิน คิดเป็นร้อยละ 39.99 ซึ่งจังหวัดฉะเชิงเทราและชลบุรีมีมูลค่าทรัพย์ขายได้มากที่สุด ถือเป็นการเพิ่มโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายใหม่ ได้เข้าร่วมประมูลซื้อทรัพย์ ทำให้มีนักลงทุนสนใจทรัพย์สินของกรมบังคับคดีมากยิ่งขึ้น
น.ส.รื่นวดี กล่าวอีกว่า การดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชั้นบังคับคดี กรมบังคับคดีได้จัดมหกรรมไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดีร่วมกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จำนวน 12 ครั้ง ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ยะลา เบตง ปัตตานี กระบี่ สตูล สงขลา นาทวี พังงา ตะกั่วป่า กาฬสินธุ์ และระนอง ซึ่งสามารถไกล่เกลี่ยสำเร็จ 1,930 เรื่อง ทุนทรัพย์ 220,315,184 บาท คิดเป็นร้อยละความสำเร็จ 98.92%
น.ส.รื่นวดี กล่าวว่า จากการขายทอดตลาดนอกสถานที่และการขายทอดตลาดวันเสาร์พบว่ามีผู้สนใจเข้าประมูลซื้อทรัพย์เป็นจำนวนมาก เช่น การขายทอดตลาดในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก การขายรอบแรกตามราคา 100% ของราคาประเมิน ซึ่งมีการเสนอราคาและขายกันต่อเนื่องถึง 4 ชั่วโมง ทำให้ขายได้สูงกว่าราคาประเมิน 40%และการขายทุกวันเสาร์ที่ทำให้ได้เงินกลับเข้าสู่ระบบถึง 5 พันล้านบาท แม้แต่สำนักงานบังคับคดีในจังหวัดเล็กๆ ก็มีกระแสตอบรับสูง
"การขายทรัพย์ของบังคับคดีจะจำกัดอยู่ในสำนักงานไม่ได้แล้ว ดังนั้น ภายในปีนี้จะจัดโครงการขายทอดตลาดที่อิมแพค เมืองทองธานี โดยจะนำทรัพย์ในจังหวัดกรุงเทพฯ นนทบุรี และนครนายกมาประมูล รวมถึงการจัดมหกรรมร่วมกับธนาคารกรุงไทยเทขายล้างพอร์ต 278 รายการ มูลค่าทรัพย์ 985 ล้านบาท เพื่อดึงเงินกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ" อธิบดีกรมบังคับคดีกล่าว
น.ส.รื่นวดี กล่าวอีกว่า เพื่อดำเนินการเดินหน้าภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 นับจากวันที่ 1 ต.ค.62 หรือเริ่มต้นปีงบประมาณ 2563 กรมบังคับคดีจะไม่รับดำเนินการคำร้องที่เป็นเอกสาร โดยเลิกใช้กระดาษแต่จะจัดเจ้าหน้าที่ให้บริการกับเจ้าหนี้และลูกหนี้รายย่อยภาคประชาชนที่ยังไม่คุ้นชินกับระบบคอมพิวเตอร์ โดยทุกสำนักงานบังคับคดีจะมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในการกรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี