"ผอ.พศ."เผชิญหน้า 3 พระผู้ใหญ่กลางที่ประชุม มส. ยันไม่มีอคติเข้าร้องทุกข์พระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปเอี่ยวเงินทอนวัด ย้ำทำตามหน้าที่-ข้อมูลตำรวจ ระบุขณะนี้ผู้ถูกกล่าวหายังถือเป็นผู้บริสุทธิ์เพราะ ป.ป.ช.ยังไม่เริ่มไต่สวน "บิ๊กแป๊ะ"กร้าวคดีเงินทอนวัดทำตามกฎหมายไม่หนักใจเอาผิดพระเถระ ลั่นถ้าพระไม่ดีต้องดำเนินคดี
20 เม.ย.61 เมื่อเวลา 14.00 น.ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม ได้มีการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นประธานการประชุมฯ ซึ่งเป็นการประชุมตามวาระปกติที่มีขึ้นทุกวันที่ 10, 20 และ 30 ของทุกเดือน แต่วันนี้ได้รับความสนใจจากสื่อและสังคมมากกว่าทุกครั้ง หลังจากมีรายชื่อพระเถระชั้นผู้ใหญ่กรรมการมหาเถรสมาคม 3 รูปถูกกล่าวหาในคดีทุจริตเงินทอนวัด ประกอบด้วย 1.พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการ มส.และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร, 2.พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 4-7 และ 3.พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรรมการ มส.และเจ้าคณะภาค 10 ซึ่งได้เดินทางมาเข้าร่วมประชุมด้วย
ขณะที่ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) ในฐานะเลขาธิการ มส.ก็เดินทางมาประชุมด้วยเช่นกัน แต่ไม่ยอมให้สัมภาษณ์สื่อแต่อย่างใด
"ผอ.พศ."ปัดถกมส.ไร้วาระทุจริต
หลังการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง พ.ต.ท.พงศ์พร ได้แถลงว่า มส.มีมติมอบให้ตนในฐานะเลขาธิการ มส.แถลงข่าวเพื่อสร้างความเข้าใจต่อสังคมสั้นๆ กรณีที่ตนเข้าไปร้องทุกข์กล่าวโทษพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปและเป็นกรรมการ มส.3 รูป 3 วัดดังในกรุงเทพฯ เกี่ยวข้องกับการทุจริตงบอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม และเข้าข่ายอาบัติปาราชิก ต่อกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินคดีของหน่วยบังคับใช้กฏหมาย หากต้องการทราบข้อมูลให้ไปถามกับ ปปป.หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ยันไม่มีอคติแต่เป็นหน้เาที่ต้องทำ
ส่วนการที่ตนเดินทางเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ ปปป.นั้น เป็นการกล่าวหาตามมูลหรือหลักฐานที่ตำรวจให้ตนไปแจ้งความไม่ได้กระทำในลักษณะที่มีอคติ แต่เป็นหน้าที่ของ ผอ.พศ.ที่ต้องไปดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษพระชั้นผู้ใหญ่ทั้ง 5 รูปตามที่ตำรวจให้ข้อมูล โดยยังไม่มีผลทำให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ้าหน้าที่และพระเป็นผู้กระทำผิด เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างชั้นสอบสวน โดย ป.ป.ช.ยังไม่ได้เริ่มการไต่สวนและวินิจฉัย จึงยังไม่มีพยานหลักฐานครบถ้วนที่จะพิสูจน์ได้ว่าใครผิดหรือถูก และขณะนี้ก็ยังไม่มีผู้กระทำผิดเนื่องจากตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่า ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิด
เผชิญหน้าพระผู้ใหญ่ถูกกล่าวหา
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ทาง ผอ.พศ.จะแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับอีก 7 วัดที่เหลือวันใด เนื่องจากมีการเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่ง ผอ.พศ. ได้เลี่ยงตอบคำถาม โดยกล่าวเพียงขอบคุณสื่อมวลชนเท่านั้น ก่อนจะเดินทางกลับโดยไม่ยอมให้สื่อมวลชนซักถามแต่อย่างใด และขอให้ไปสอบถามกับหน่วยงานที่ดำเนินการสอบสวนทางกฎหมายทั้ง ปปป.และ ป.ป.ช.เช่นเดียวกับพระเถรชั้นผู้ใหญ่ที่ถูกกล่าวหาทั้ง 3 รูปก็ไม่ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด
สำหรับบรรยากาศภายหลังการปนะชุม มส.เสร็จสิ้น ผอ.พศ.ได้กราบลาและสนทนากับพระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรรมการ มส.และพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการ มส. สักระยะก่อนที่จะเดินทางกลับวัด โดยพระพรหมสิทธิ ได้กล่าวให้กำลังใจ ผอ.พศ.และบอกว่าให้สู้สู้
เชื่อ"ผอ.พศ."มีข้อมูลการทุจริต
ที่วัดราชาธิวาสวิหาร กทม. พระธรรมกิตติเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาสวิหาร ในฐานะประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้ออกมาแถลงข่าวถึงกรณีปรากฏรายชื่อพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป เอี่ยวทุจริตเงินทอนว่า ขอให้เป็นเรื่องของกระบวนสืบสวน ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนการร้องทุกข์กล่าวโทษกับพระชั้นผู้ใหญ่ จำเป็นต้องแจ้งให้ มส.ทราบก่อน ที่จะยืนเรื่องให้กับ บก.ปปป.หรือไม่นั้นต้องดูอำนาจของ พศ.ว่า สามารถดำเนินการได้เองหรือไม่ เชื่อ ผอ.พศ.คงมีข้อมูลบางส่วนแล้วถึงได้ดำเนินการเช่นนี้
คาดศิษย์3พระผู้ใหญ่ไม่พอใจแน่
ส่วนรูปแบบการใช้เงินอุดหนุนจากภาครัฐของแต่ละวัดนั้นสามารถโยกย้ายงบเพื่อทำประโยชน์ต่อส่วนรวมได้ เช่น หากนำเงินอุดหนุนการศึกษา โรงเรียนพระปริยัติธรรมมาใช้บูรณะปฏิสังขรณ์สถานที่ต่างๆ ภายในวัดก่อน แต่ต้องนำเงินนั้นกลับมาคืนให้ครบถ้วนถือว่าไม่มีความผิด เพราะไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตน ทั้งนี้ อาจเป็นช่องโหว่ของกฎระเบียบข้อบังคับในการใช้งบที่ทำให้เกิดการทุจริตได้ หากไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ก็ต้องไม่รับเงินจากรัฐ ซึ่งเป็นไปได้ยาก
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจกันบ้างระหว่างพระสงฆ์กับฆราวาส อย่างน้อยๆ ก็ลูกศิษย์ของพระชั้นผู้ใหญ่ทั้ง 3 รูป ต้องไม่พอใจแน่นอน แต่เชื่อว่าไม่ส่งผลต่อความเลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ที่มีต่อพระพุทธศาสนา"
"บิ๊กแป๊ะ"กร้าวตำรวจทำตามกม.
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่ ผอ.พศ.ร้องทุกข์ ต่อ บก.ปปป.ให้ดำเนินคดีกับพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปกรณีพบทุจริตเงินทอนวัดว่า ทราบว่าทาง ปปป. ส่งสำนวนไปยัง ป.ป.ช.แล้วตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย. ซึ่งทาง บก.ปปป.ได้รายงานพบการทุจริตตามที่ บก.ปปป.สอบ ซึ่งอยู่ในสำนวน
ส่วนที่มีกระแสข่าวลือเรื่องม็อบพระ ผบ.ตร. กล่าวว่า ม็อบพระก็ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอยู่แล้ว ไม่เห็นกฎหมายห้ามจับพระ ทำคดีไม่กังวล จะกังวลถ้าดำเนินคดีกับพระดี แต่พระไม่ดี ก็ไม่เห็นมีอะไร และวันนี้ก็มีการประชุมที่ มส. มีหน่วยที่เกี่ยวข้องไปจับตาดูอยู่แล้ว คดีนี้ต้องถามพระหนักใจหรือไม่ ไปทำอะไรมา ถ้าไม่ทำอะไรมาก็ไม่ต้องหนักใจ ตนไม่หนักใจเลยเพราะบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียว ทาง บก.ปปป.รายงานผลการสืบสวนสอบสวนว่าพบอะไรบ้าง แต่ตนไม่บอก ก็มั่นใจ บก.ปปป.ดำเนินการในกรอบกฎหมายอยู่แล้ว โดยทำมาเยอะคดีพระชั้นผู้ใหญ่ คดีวัดพระธรรมกายตนก็ทำ ปกติไม่มีอะไร อย่าไปตื่นเต้นตกใจ อาจเป็นเรื่องใหม่ของผู้สื่อข่าวก็ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี