เกษตรฯดันกาแฟไทยผงาดตลาดโลก ดันขึ้นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่-จับมืออาเซียนพัฒนาอุตสาหกรรม

เกษตรฯดันกาแฟไทยผงาดตลาดโลก ดันขึ้นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่-จับมืออาเซียนพัฒนาอุตสาหกรรม

วันจันทร์ ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2561, 06.00 น.

ดร.วราภรณ์ พรหมพจน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรฯ มีเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำการผลิตและการค้ากาแฟคุณภาพของภูมิภาคอาเซียน โดยจะมีการผลักดันให้กาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ ที่สร้างรายได้ที่มั่นคงแก่เกษตรกร และผู้ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมกาแฟ เนื่องจากราคาผลผลิตเมล็ดกาแฟคุณภาพในตลาดโลกมีแนวโน้มที่สูงขึ้น รวมถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมกาแฟไทยที่มีมูลค่าสูงแตะ 30,000 ล้านบาท

ดร.วราภรณ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันผลผลิตเมล็ดกาแฟของไทยยังไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภคภายในประเทศ สาเหตุจากพื้นที่เพาะปลูกที่ลดลงเหลือ 259,867 ไร่ ทำให้ผลผลิตลดเหลือเพียง 23,273 ตัน แต่ยังสร้างรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกถึงปีละอย่างน้อย 200 ล้านบาท ซึ่งธุรกิจกาแฟของไทยมีมูลค่าส่งออกประมาณ 3,900 ล้านบาทในปี 2560 แต่มีการนำเข้าถึง 8,044 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการบริโภคและใช้ในอุตสาหกรรมอยู่ที่ 90,000 ตัน และคาดว่าในปี 2561 ความต้องการจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1 แสนตัน ด้วยเหตุนี้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และ องค์กรที่เกี่ยวข้อง จึงมีการร่วมมือกันเพื่อพัฒนาการผลิตกาแฟในทุกกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำให้เป็นไปอย่างมีระบบ ด้วย 5 กลยุทธ์สำคัญ คือ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและพัฒนาคุณภาพผลผลิตโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม พัฒนาการแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่ม พัฒนาด้านการตลาด พัฒนาด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงพัฒนาด้านการบริหารจัดการ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มทั้งคุณภาพและปริมาณผลผลิตให้แก่อุตสาหกรรมกาแฟไทย


ด้าน ดร.อนันต์ ดาโลดม นายกสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย กล่าวา ประเทศไทยและอาเซียนเป็นกลุ่มประเทศที่อยู่เขตพื้นที่เหมาะสมแก่การปลูกกาแฟ มีผลผลิตเมล็ดกาแฟปริมาณ 1 ใน 4 ของผลผลิตเมล็ดกาแฟทั่วโลก โดยเวียดนามเป็นแหล่งผลิตกาแฟพันธุ์โรบัสต้าอันดับ 1 ของโลก และเป็นผู้ผลิตกาแฟสูงเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจาก บราซิล นอกจากนั้นยังมีผู้ผลิตสำคัญอย่างอินโดนีเซีย ลาว ไทย และเมียนมา ที่มีแนวโน้มผลผลิตมากขึ้น ซึ่งหากมีการร่วมมือกันพัฒนาตั้งแต่กระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ คือ ผลิตสายพันธุ์กาแฟ ปลูก และเก็บเกี่ยว จนเป็นสารเมล็ดกาแฟ ไปถึงปลายน้ำคือผลิตภัณฑ์กาแฟสำหรับดื่มแล้วจะทำให้ประเทศในกลุ่มอาเซียนสามารถก้าวขึ้นเป็นแหล่งผลิตกาแฟชั้นนำของโลกได้

ดังนั้น องค์กรภาครัฐและเอกชน 12 หน่วยงาน อาทิ กระทรวงเกษตรฯ กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร สมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย สมาพันธ์กาแฟอาเซียน สมาคมบาริสต้าไทย และ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด จึงได้ร่วมกันจัดการประชุมการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟในอาเซียน ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 22-23 พฤศจิกายน 2561 ที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อระดมสมองและผลักดันการพัฒนากาแฟ ไปสู่เป้าหมายเป็นผู้นำการผลิตและการค้ากาแฟคุณภาพในภูมิภาคอาเซียน และสู่ตลาดโลกภายใต้ภาพลักษณ์กาแฟไทย ภายในปี 2564

นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล ประธานบริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า การประชุมการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟในอาเซียน เป็นการประชุมหารือด้านความร่วมมือการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟไทยและอาเซียน โดยมีเป้าหมายหลักร่วมกันในการสร้างการต่อยอดทางความคิดในด้านของวิชาการและด้านธุรกิจ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top