โวยมาตรฐาน‘ปลาร้า’
เอื้อโรงงานใหญ่
เชื่อชาวบ้านทำยาก
ห้ามเปื่อย-มีหนอน
อุตฯเร่งช่วยรายย่อย
เพื่อพัฒนายกระดับ
เสียงสะท้อน! แม่ค้า ตัดพ้อ ประกาศ “มาตรฐานปลาร้า” ส่อเอื้อโรงงานใหญ่กีดกันชาวบ้านทำขายเอง สถาบันอาหารเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย พัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าปลาร้าตามเกณฑ์มาตรฐานใหม่ เพื่อยกระดับคุณภาพอาหารปลอดภัย และ ส่งออกต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 23 เมษายน จากกระแสร้อนที่เกิดขึ้นในวงการอาหารไทยหลังมีการกำหนดสูตร”มาตรฐานปลาร้า”เพื่อนำส่งออกขายในประเทศอาเซียนและยุโรป โดยจะต้องมีคุณสมบัติคือ“ปลาร้า”ใหม่ เนื้อปลาต้องสีชมพูอ่อน ส้มอ่อน เหลืองอ่อน น้ำตาลอ่อน ไม่มีพยาธิหรือสิ่งแปลกปลอม ห้ามใส่สีและวัตถุกันเสีย หนังปลา คงรูปไม่ฉีกขาดนั้น ล่าสุดมีเสียงสะท้อนจากแม่ค้าปลาร้าจากตลาดภาษีซุงในตัวเมืองชัยนาท โดย เจ้าของร้านแม่ชม้อยกล่าวว่ามาตรฐานปลาร้าที่กำหนดออกมานั้นหลายๆข้อดูเหมือนจะบีบคั้นจนเกินไปและทำได้ยาก อย่างเช่นที่ระบุว่า“หนังปลาคงรูปไม่ฉีกขาด”นั้นบอกได้เลยว่าทำได้ยาก เพราะ“ปลาร้าคือปลาที่ผ่านกระบวนการหมัก”การที่หนังจะคงรูปสวยงาม100เปอร์เซ็นต์นั้นคงทำได้ยากมากๆ
“หากมองโดยภาพรวมแล้วมาตรฐานที่กำหนดออกมานั้นจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับโรงงานใหญ่ที่มีเครื่องมือทันสมัยมากกว่าและเป็นการกีดกันปลาร้าที่ชาวบ้านหมักขายกันเอง เพราะจะทำตามมาตรฐานที่ว่าได้ยาก ทำให้ต่อไปแม้ว่าชาวบ้านที่อาชีพทำปลาร้า ขายเป็นรายได้ภายในครัวเรือน คงจะลำบาก เพราะอาจจะวางขายไม่ได้” เจ้าของร้านแม่ชม้อย ย้ำ
สำหรับผลกระทบกับร้านขายปลาร้า ในขณะนี้ยังไม่มีผลมากนักเพราะลูกค้าส่วนใหญ่เข้าใจและคุ้นเคยกับปลาร้าที่บริโภคกันอยู่ในปัจจุบันว่าบางครั้งอาจจะพบหนอนหรือหนังปลาเปื่อยยุ่ยบ้าง แต่ลูกค้าก็ยังให้ความมั่นใจที่จะซื้อไปรับประทาน โดยมองการกำหนดมาตรฐานปลาร้าว่า เป็นเรื่องน่าขบขัน
ขณะที่ มีลูกค้ารายหนึ่ง กล่าวว่าตนรับประทานทั้งปลาร้าดิบและปลาร้าสุกมาตั้งแต่เล็กๆ ภาพของปลาร้าที่มีหนอนไต่ หรือ หนังเปื่อยยุ่ย หรือเนื้อปลาเป็นสีเทา จะเป็นที่ชินตาและจวบจนวันนี้ตนอายุกว่า50ปีแล้วก็ยังไม่เคยปรากฏว่า เจ็บป่วยเพราะการรับประทานปลาร้า ตอนนี้จึงรู้สึกเฉยๆกับการกำหนดมาตรฐานปลาร้า ถ้ากำหนดมาตรฐานเพื่อการส่งออก ก็น่าจะส่งผลดี แต่ถ้ากำหนดเพื่อใช้กับตลาดภายในประเทศ หรือ ตลาดชุมชน หากปลาร้าไม่ได้มาตรฐานห้ามวางขายนั้น ก็ไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน เพราะเหมือนเป็นการจำกัดสิทธิ์ของชาวบ้านและผู้ซื้อผู้บริโภคปลาร้า
“เพราะหากมีการกีดกันปลาร้าด้วยการยกมาตรฐานมาเป็นเกณฑ์การเข้าสู่ตลาด ก็เท่ากับตัดมือตัดเท้าชาวบ้านที่มีอาชีพหาปลาและทำปลาร้าขายซึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนรายใหญ่ที่มีเงินทำโรงงานซื้อเครื่องมือทันสมัยมาทุ่มตลาดและแน่นอนที่ราคาปลาร้า จะขยับสูงขึ้น เมื่อผู้ผลิตน้อยลงตามกลไกตลาด ผู้ที่ได้รับผลกระทบตามมาระลอกที่ 2 ก็คือ ตัวผู้บริโภคเองที่ต้องก้มหน้าทนซื้อปลาร้าแพงรับประทาน”ลูกค้าคนดังกล่าวระบุ
ด้าน นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรมเผยว่าตามที่ได้มีการประกาศ มาตรฐานสินค้าปลาร้าใหม่ เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.เป็นต้นไปนั้น นับว่าเป็นการยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยให้กับอุตสาหกรรมปลาร้าไทย เป็นประโยชน์กับผู้บริโภคและสามารถขยายตลาดได้อย่างกว้างขวาง ส่วนผู้ผลิตปลาร้ารายย่อย น่าจะค่อยๆปรับเปลี่ยนวิธีการเพื่อเข้าสู่มาตรฐานพัฒนาการผลิตที่ถูกวิธีตามเกณฑ์คุณภาพ เป็นที่ยอมรับและปรับไปสู่อุตสาหกรรมแปรรูปแบบ ปลาร้าผง ปลาร้าก้อน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มสามารถส่งออกไปต่างประเทศได้
โดยทางสถาบันอาหาร ได้วางแนวทางเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อให้คำปรึกษาและบริการแบบครบวงจร ส่วนกลางได้จัดตั้งศูนย์วิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตสินค้าอาหารเชิงพาณิชย์ ในต่างจังหวัด จัดตั้งศูนย์การออกแบบและตรวจสอบอุตสาหกรรมต้นแบบแห่งแรกที่จ.สงขลาและมีแผนภายในปีหน้า เปิดศูนย์อีก 2แห่งที่ จ.ขอนแก่น และ จ.ชลบุรี
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมปลาร้าไทย ปัจจุบันมีผู้ผลิตรายใหญ่และรายย่อยกว่า300แห่ง ตลาดหลักคือการบริโภคในประเทศ และส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา เยอรมัน ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย แต่การส่งออกยังมีข้อจำกัดเรื่องความเชื่อมั่นด้านสุขอนามัยจึงต้องมีใบรับรองสุขอนามัยจากกรมประมง ขณะที่การผลิตปลาร้ามีปริมาณการผลิตมากถึง 40,000 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ในช่วง5-6 ปีที่ผ่านมา มีการส่งออกปลาร้า ไปต่างประเทศมูลค่ากว่า 20 ล้านบาทต่อปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี