‘พงศ์พร’ดอดฟ้องเพิ่ม7วัด
โกงเงินทอน
ปปป.ชงต่อให้ปปช.เชือด
‘บิ๊กกุ้ย’แจงมีเวลาสอบเป็นปี
เลื่อนสรุปอมทุนเสมาฯ15วัน
เรียกสอบขรก.ศธ.อีก19ปาก
พนักงานสอบสวน บก.ปปป.ส่งสำนวนคดีเงินทอนวัดลอต 3 ขณะที่ “พงศ์พร” ดอดเข้าร้องทุกข์เพิ่มอีก 7 วัด ด้านประธานสอบโกงทุนเสมาฯ เล็งชงรมว.ศึกษาธิการขอเลื่อนเวลาสรุปผลสอบออกไปอีก 15 วัน เหตุต้องสอบเพิ่มอีก 19 ปาก มีความคืบหน้าในการดำเนินการคดีทุจริตเงินทอนวัดรอบที่ 3 ซึ่งก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.)เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.)ทั้งหมด 10 วัดทั้งในกทม.และต่างจังหวัด
เมื่อวันที่ 23 เมษายน พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป.เปิดเผยความคืบหน้ากรณีสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่ง ชาติ (พศ.) จะเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษการทุจริตงบประมาณอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมเพิ่มเติมอีก 7 วัดเมื่อวันที่ 19 เมษายน แต่ภายหลังได้ขอเลื่อนเข้าแจ้งความไม่มีกำหนดว่า ผอ.พศ.เข้าแจ้งความ และมอบเอกสารหลักฐานวัดที่เข้าข่ายพบการทุจริตที่เหลืออีก 7 แห่ง ในพื้นที่ปริมณฑล และต่างจังหวัด ที่เกี่ยวข้องการทุจริตงบการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา แผนกธรรม และแผนกบาลี และงบเผยแพร่ศาสนา กับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. แล้ว ตั้งแต่ช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา คาดว่า ช่วงบ่ายวันนี้ จะส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)รับไปตรวจสอบก่อนชี้มูลดำเนินคดีต่อไปตามขั้นตอนกฎหมาย
ส่งสำนวนเงินทอนวัดให้ปปช.
บ่ายวันเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.วรายุทธ สุขวัฒน์ รอง ผบก.ปปป. พร้อมพ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ปปป. และพนักงานสอบสวน บก.ปปป.สรุปสำนวนคดีเงินทอนวัดล็อต 3 จำนวน 7 วัดที่เหลือ ส่งต่อให้ ป.ป.ช.แล้ว สำหรับ 7 วัดที่เหลือในล็อตที่ 3 นั้นได้แก่ วัดในจ.นนทบุรี 3 วัด จ.อุดรธานี 1 วัด จ.ลำปาง 1 วัด และจ.นครศรีธรรมราช 2 วัด โดยวัดที่ผอ.พศ.เข้าแจ้งความร้องทุกข์ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 11 เมษายนนั้น มี 3 วัดในเขตกทม. ประกอบด้วย วัดสามพระยา วัดสระเกศ และวัดสัมพันธวงศาราม ซึ่งมีพระชั้นผู้ใหญ่ถูกกล่าวหา 5 รูป
ปปช.แจงมีเวลาสอบเป็นปี
ด้านพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบสำนวนคดีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม ซึ่งมีพระชั้นผู้ใหญ่เกี่ยวข้อง 5 รูปว่า อยู่ระหว่างแสวงหาข้อมูลเพิ่มเติม เพราะข้อมูลในสำนวนที่บก.ปปป.ส่งมานั้น ยังไม่ครบถ้วน เนื่องจากมีเวลารวมรวมข้อมูลและพยานหลักฐานเพียง 30 วัน
ทั้งนี้ ตามระเบียบ ป.ป.ช.มีกรอบเวลาแสวงหาข้อมูล 6 เดือน หากยังทำไม่เสร็จเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบสำนวนจะขอขยายเวลาได้อีก 3 เดือน หากยังทำไม่เสร็จ ต้องเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อของขยายเวลาอีก 3 เดือน แต่หลังจาก 1 ปี หากรวบรวมพยานหลักฐานไม่เสร็จก็ต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อให้คณะกรรมการลงไปดำเนินการ
ประธาน ป.ป.ช.กล่าวต่อว่า ถ้ารวบรวมพยานหลักฐานเสร็จเร็ว เจ้าหน้าที่คงส่งให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณา ไม่ชักช้า ส่วนเจ้าหน้าที่จะใช้เวลารวบรวมข้อมูลเต็มกรอบเวลาหรือไม่ต้องรอดูพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ทั้งข้อมูลการเงิน การจัดสรรงบประมาณ ซึ่งเราต้องรอบคอบเพราะคดีดังกล่าวเกี่ยวกับบุคคลสำคัญ สำหรับต้องเชิญผอ.พศ.มาให้ข้อมูลหรือไม่ เป็นดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ อาจเป็นการขอข้อมูลไป หรือสอบปากคำพยานเกี่ยวข้อง ส่วนจะใช้หลักฐานเดิมจากคดีเงินทอนวัดที่ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดไปก่อนหน้านี้มาประกอบการพิจารณาได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานนั้นๆ ซึ่งบางอย่างสามารถใช้พยานหลักฐานเดิมได้
เลื่อนสรุปโกงเสมาอีก15วัน
ด้านความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)นั้น นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง การทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตเปิดเผยหลังประชุมคณะกรรมการสืบสวนฯว่า ขณะนี้อดีตปลัดศธ. และอดีตรองปลัด ศธ.ส่งเอกสารชี้แจงการดำเนินการกองทุนเสมาฯ มาให้กับคณะกรรมการสืบสวนฯพิจารณาเกือบครบแล้ว ส่วนใหญ่ชี้แจงว่าระมัดระวังหรือไม่ อย่างไรในการเซ็นรับรองเอกสาร ซึ่งเหลืออีก 2-3 ราย ที่ยังขอเอกสารมายังคณะกรรมการสืบสวนฯจำนวนมาก ดังนั้น คณะกรรมการสืบสวนฯอาจตัดส่วนที่เหลือการชี้แจงออกไป เพราะเรามีเอกสารที่เกี่ยวข้องและข้อมูลมากพออยู่แล้ว
“คิดว่าที่คณะกรรมการสืบสวนฯจะสรุปผลสอบภายในสิ้นเดือนเมษายน ไม่น่าจะทัน ดังนั้น ผมจึงทำหนังสือรมว.ศึกษาฯของขยายเวลาสืบสวนออกไป อีกประมาณ 15 วัน คาดจะสรุปได้กลางเดือนพฤษภาคม เพราะจำเป็นต้องตรวจสอบผู้ที่ลงนามเบิกถอนว่าใช้ความระมัดระวังเพียงใด อีกส่วนคือกลุ่มที่รับผิดชอบงานบัญชี ได้กำหนดมาตรการส่งใบเสร็จรับเงินไว้หรือไม่อย่างไร เพราะสังเกตเห็นว่าสถานศึกษาหลายแห่ง ออกใบเสร็จรับเงิน แต่ไม่ได้ถูกนำมาเก็บไว้ในบัญชี แต่กลับถูกเก็บไว้ที่นางรจนา สินที อดีตข้าราชการระดับ 8 ที่ดูแลเรื่องนี้ กระทั่งว่า หนังสือราชการบางฉบับ แทนที่จะส่งถึงปลัดศธ. กลับส่งถึงนางรจนาโดยตรง ดังนั้น ผมจึงต้องขอเวลาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวนี้เพิ่มเติม”นายอรรถพลกล่าว
เรียก19ขรก.อบเส้นทางบัญชี
และว่า ตั้งแต่วันที่ 25-26 เมษายน จะเชิญผู้เกี่ยวข้องมาสอบอีกประมาณ 19 คน เป็นเจ้าหน้าที่ศธ. ที่มีอำนาจเบิกถอน จัดทำบัญชี มาให้ข้อมูลกับคณะกรรมการฯ เรื่องเส้นทางดำเนินการ เพราะเท่าที่ตรวจสอบขั้นตอนขออนุมัติ กับตอนส่งให้ธนาคารบางครั้งตัวเลขจำนวนเงินตรง แต่สลับตำแหน่งเลขที่บัญชี ก็เท่ากับว่าจำนวนเงินที่ต้องโอนในแต่ละบัญชี จะเคลื่อนตามไปด้วย คณะกรรมการสืบสวนฯจึงอยากรู้ว่า ขณะนั้นมีการตรวจสอบหรือไม่ อย่างไร และก่อนเบิกถอน หรือโอนละเอียดรอบคอบแค่ไหน
นายอรรถพลกล่าวด้วยว่า วันเดียวกัน นี้ เจ้าหน้าที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งใน กทม.ที่ได้รับโอนเงิน 1.5 หมื่นบาทช่วงปี 2548 เข้าชี้แจง โดยยืนยันว่า ขณะนั้นทางโรงเรียนมีเด็กที่รับทุนจากกองทุนเสมาฯจริง 5 ราย และเงินดังกล่าว ก็ได้รับโอนเพื่อนำไปให้ทุนการศึกษาต่อเด็ก
หาหลักฐานมัด44ขรก.มีเอี่ยว
ส่วน พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตว่า การตรวจสอบข้อเท็จจริงมีความคืบหน้ามากกว่าร้อยละ 50 โดยการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ท. หรือ บอร์ด ป.ป.ท.วันที่ 26 เมษายน จะเสนอให้อนุมัติตั้งกรรมการไต่สวน ยืนยันว่านอกเหนือจากนางรจนาแล้ว ป.ป.ท.ยังอยู่ระหว่างแสวงหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับข้าราชการ ศธ.เพิ่มเติมอีก 44 คนตามที่ผู้ตรวจราชการศธ. นำข้อมูลการตรวจสอบมามอบให้ก่อนหน้านี้ รวมถึงประสานงานติดตามการตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างใกล้ชิดกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ที่ตรวจสอบบัญชีรับโอนเงินจากนางรจนา อย่างน้อย 22 บัญชี ซึ่งนอกเหนือสืบสวนความเชื่อมโยงทางการเงินแล้วต้องสอบปากคำบุคคลต่างๆ ที่รับโอนเงินที่อาจเกี่ยวข้องไปยังบุคคลที่ 3 ในการทุจริตกองทุนเสมาฯ ด้วย
ลุยสอบอมเงินคนจนต่อ
ส่วนการสอบสวนกรณีทุจริตเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งทั่วประเทศ ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)นั้น พ.ท.กรทิพย์กล่าวว่า ขณะนี้ตัวเลขการเบิกจ่ายเงินที่ผิดปกติยังอยู่ที่ 56 จังหวัด โดยบอร์ด ป.ป.ท.อนุมัติไต่สวนแล้ว 33จังหวัด ส่วนอีก 23 จังหวัดในการประชุมครั้งที่ผ่านมาได้ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม โดยการประชุมบอร์ดวันที่ 26 เมษายน จะเสนอให้บอร์ด ป.ป.ท. พิจารณาไต่สวนรวมกับอีก 17 จังหวัด ที่ป.ป.ท.อยู่ระหว่างการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง สำหรับกรณีศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจ.สิงห์บุรี ปราจีนบุรี และนครศรีธรรมราช ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบซ้ำ เนื่องจากยังไม่พบข้อมูลการเบิกจ่ายที่ผิดปกติ แต่กรณีจ.สิงห์บุรี อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานการเบิกจ่ายเงินซื้อผ้าห่มช่วยเหลือผู้ยากไร้ งบประมาณกว่า 1 แสนบาท ที่มีการเบิกเงินซื้อผ้าห่มผืนละกว่า 400 บาท จากราคาท้องตลาดผืนละ 190 บาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี