วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ผ่านไปอีกครั้งสำหรับวันคุ้มครองโลก “Earth Day” เมื่อวันที่อาทิตย์ที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งปีนี้มีการกำหนดหัวข้อรณรงค์เหมือนกันทั่วโลก คือ “End Plastic Pollution” หรือแปลเป็นไทยง่ายๆว่า “หยุดมลพิษจากพลาสติก” ซึ่งสาเหตุที่นำประเด็น “ขยะพลาสติก” มาเป็นประเด็นหลักของการรณรงค์ปีนี้ ก็สืบเนื่องมาจากปัญหาปริมาณ “ขยะพลาสติก” ทั่วโลกที่รุนแรงจนกลายมาเป็น “วิกฤติ” สำคัญด้านสิ่งแวดล้อม
เพราะไม่เพียงแต่จะมีขยะพลาสติกอยู่กลาดเกลื่อนอยู่ตามพื้นดิน ตามถนน หรือตรอก ซอก ซอยต่างๆ เท่านั้น แต่ยังลามไปถึงในทะเลและมหาสมุทร ซึ่งในที่ประชุม “เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม”ครั้งล่าสุด ระบุว่ามีการตรวจสอบพบขยะพลาสติกในมหาสมุทรทั่วโลกมากถึง 150 ล้านตัน และจะเพิ่มขึ้นปีละ 8 ล้านตัน
โดยคาดว่า ภายในปี 2592 จะมีขยะพลาสติกมากกว่าจำนวนปลาในมหาสมุทรเสียอีก!
จากข้อมูลของ “โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ” หรือ UNEP ระบุว่า แต่ละปีทั่วโลกมีการใช้ถุงพลาสติกรวมกันมากถึง 5 แสนล้านใบ ซึ่งครึ่งหนึ่งของพลาสติกที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นพลาสติกแบบ “ใช้ครั้งเดียวทิ้ง” จึงทำให้แต่ละปีมีปริมาณขยะพลาสติกเป็นจำนวนมาก และในจำนวนนี้เป็นขยะพลาสติกที่เล็ดลอดไหลลงสู่ทะเลถึงกว่า 13 ล้านตัน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบนิเวศทะเลและสัตว์ทะเล
และประเทศไทยก็ถูกจัดให้อยู่ในลำดับที่ 6 ของประเทศที่มีขยะพลาสติกในทะเลมากที่สุดในโลก
ขณะที่ “กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม” ระบุว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีปริมาณขยะพลาสติกประมาณ 12% ของปริมาณขยะทั้งหมด หรือปีละ 2 ล้านตัน โดยจำนวนนี้ถูกนำกลับไปใช้ประโยชน์เฉลี่ยเพียงปีละ 0.5 ล้านตัน ดังนั้นหากนำตัวเลขปริมาณขยะในปี 2559 ที่ “กรมควบคุมมลพิษ” เพิ่งประกาศไป ซึ่งพบว่ามีอยู่ประมาณ 27.4 ล้านตัน ก็จะเท่ากับว่าเฉพาะปีที่แล้วเพียงปีเดียว เรามี “ขยะพลาสติก” เพิ่มขึ้นอีกถึงประมาณ 3.2 ล้านตัน
ส่วนในเรื่องการจัดการขยะ กรมควบคุมมลพิษ บอกว่า ระดับเทศบาลเมืองและเทศบาลนครมีการจัดการขยะมูลฝอยที่มีประสิทธิภาพเพียงแค่ประมาณ 23 แห่ง จากที่มีเทศบาลกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ ขณะเดียวกันก็มีอีกหลายเทศบาลยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาการจัดการขยะได้ ซึ่งนี่ถือเป็นการสะท้อนถึงเค้าลางความ “หายนะ” จากปัญหาขยะและขยะพลาสติกที่เราจะต้องเจอในวันข้างหน้า หากวันนี้ไม่ทำอะไรสักอย่าง
แน่นอนว่า การรณรงค์ให้คนไทยเรียนรู้การมี “วินัย” ในการจัดการขยะ และรู้จัก “ปฏิเสธ” ไม่รับถุงพลาสติกเวลาจับจ่ายซื้อของตามตลาด ร้านค้า และร้านสะดวกซื้อต่างๆ ยังถือเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องทำ และต้องทำกันอย่างเข้มข้นทีเดียว
แต่ขณะเดียวกัน ผมยังมองว่า เพียงลำพังจะมาหวังพึ่งการรณรงค์อย่างเดียว ในวันนี้อาจจะต้องถือว่า “ช้า” และไม่ทันการณ์ไปเสียแล้ว เพราะปัญหาขยะพลาสติกมันรุดหน้าไปเร็วมาก กว่าจะรอให้คนเข้าใจ รอให้คนมีจิตสำนึก อาจมีหวังที่ “ขยะ” จะล้นเมืองไปเสียก่อน
ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นต้องดำเนินการควบคู่กันไป คือ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจต้องเร่งพิจารณาถึงมาตรการทางกฎหมายเพื่อ “บังคับ” ให้ประชาชนลดการใช้ถุงพลาสติก เช่น การเก็บภาษีถุงพลาสติก และการให้ร้านค้าเรียกเก็บเงินค่าถุงพลาสติกจากลูกค้า เป็นต้น
ของบางอย่างมัวแต่มะงุมมะงาหรามันก็ไม่มีประโยชน์นะครับ หากมันจำเป็นต้องเด็ดขาดมันก็ต้องทำ และผมมั่นใจว่า “คนไทย” ส่วนใหญ่จะเข้าใจและสนับสนุน
ปิดท้ายคอลัมน์ก่อนจากกันในสัปดาห์นี้ ขอแสดงความยินดีกับ “มนตรี บุญจรัส” ประธานชมรมเกษตรปลอดสารพิษ และ “บิ๊กบอส” บริษัทไทยกรีนอะโกร กับรางวัลนักบริหารดีเด่นแห่งปี 2561 สาขาบริหารและพัฒนาธุรกิจการเกษตร จากมูลนิธิเพื่อสังคมไทย ภายใต้โครงการหนึ่งล้านกล้าความดีตอบแทนคุณแผ่นดิน
คุณมนตรี ได้ชื่อว่าเป็น “กูรู” คนหนึ่งในเรื่องเกษตรปลอดสารพิษ และยังมีผลงานบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้เขียนลงในหน้าเกษตร “แนวหน้า” มาอย่างต่อเนื่อง และแว่วมาว่า กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์เกษตรปลอดสารพิษตัวใหม่ และน่าจะเปิดตัวในเร็วๆนี้ ยังไงก็ขอให้ลองติดตามข่าวสารดีๆ ก็แล้วกัน
มะลิลา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี