ปปง.หอบหลักฐานเส้นทางทุจริตเงินทอนวัดแจ้งกองปราบฯ อกหมายเรียกพระเถระผู้ใหญ่สอบปากคำ เผยมีการฟอกเงินในวงการพระพุทธศาสนาเป็นวงกว้าง "ผบก.ป."รอรวบรวมหลักฐานจาก บก.ปปป.ก่อนมีหมายเรียก กลุ่มองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯฮือยื่น"บิ๊กตู่ปกป้อง "พงศ์พร" ดำเนินคดีคนทำผิดไม่ควรเว้นแม้พระผู้ใหญ่ แฉมีมาเฟียทั้ง ขรก.-พระหนุนหลังบีบนายกฯปลด "ผอ.พศ."
วันนี้ (25 เม.ย.61) เจ้าหน้าที่ข่าวกรอง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้นำหลักฐานเส้นทางการเงินในคดีเงินทอนวัด เข้าพบ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม(ผบก.ป.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ดำเนินการออกหมายเรียกพระเถระชั้นใหญ่ 5 รูปที่ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(ผอ.พศ.) ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) กระทำความผิดอาญาคดีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมไปก่อนหน้านี้
สำหรับพระเถระผู้ใหญ่ 5 รูปดังกล่าวประกอบด้วย 1.พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) กรรมการมหาเรสมาคม (มส.), 2.พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.), 3.พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) 4.พระเมธีสุทธิกร (สังคม ญาณวฑฺฒโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ปัจจุบันเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชอุปเสณาภรณ์ และ 5.พระวิจิตรธรรมาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ปัจจุบันเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชกิจจาภรณ์
พบมีการฟอกเงินในวงการศาสนาพุทธ
สำหรับคดีทุจริตเงินทอนวัดเริ่มต้นจากข้าราชการ นำเงินทุจริตไปบริจาคให้กับพระสงฆ์ ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ ปปง.ได้ตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน จนพบว่ามีการฟอกเงินในวงการพระพุทธศาสนา เป็นวงกว้างและมีความผิดชัดเจน จึงนำหลักฐานส่งมอบให้ตำรวจกองปราบดำเนินการ
สำหรับประเด็นการคัดกรองเงินบริจาคและเงินทุจริต เจ้าหน้าที่ ปปง.จะพิจารณาจากอาชีพของพุทธศาสนิกชนและจำนวนเงินที่นำมาบริจาค หากพบจำนวนเงินมากกว่ารายได้ หรือมากเกินฐานะ อาจเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน เบื้องต้นคาดว่าทางเจ้าหน้าที่อาจจะสามารถออกหมายเรียกพระเถระผู้ใหญ่ทั้ง 5 รูปให้มาพบได้ภายในสัปดาห์หน้า
ยังไม่ออกหมายเรียกรอหลักฐาน ปปป.
ด้าน พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ ป.ป.ง. ได้มาเข้าพบเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เพื่อประสานข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางทางการเงินในคดีเงินทอนวัดครั้งล่าสุด ทั้งนี้ ยืนยันว่ายังมีขั้นตอนและรายละเอียดในการดำเนินการอีกจำนวนมากยังไม่ถึงขั้นออกหมายเรียกพระผู้ใหญ่มาสอบปากคำแต่อย่างใด โดยจะต้องรวบรวมหลักฐานและประสานงานกับ บก.ปปป. เพื่อหารือเรื่องการรวบรวมหลักฐานต่อไป
คนขอนแก่นฮือยื่นบิ๊กตู่ป้อง"พงศ์พร"
ที่สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ขอนแก่น ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมือง จังหวัดขอนแก่น นำคณะกรรมการและสมาชิกองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองฯ เข้ายื่นหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น เพื่อส่งถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการปกป้องข้าราชการผู้ปฎิบัติหน้าที่โดยสุจริตและกระทำตามกฎหมายบ้านเมือง โดยมีนายรัฐวิชญ์ พาฉิมพลี รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ รับหนังสือแทน โดยทำการลงรับหนังสือตามระบบราชการและประสานงานไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และหน่วยงานที่รับผิดชอบตามลำดับขั้นตอน
จี้ "นายกฯ" ปราบคนชั่วปกป้องคนดี
นายตุลย์ กล่าวว่า การสืบสวนสอบสวนในความผิดคดีทุจริตเงินทอนวัด ที่ในขณะนี้ทุกหน่วยงานได้ดำเนินการตามกรอบของกฎหมาย และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามการมทุจริตคอร์รัปชัน แต่กลับมีกลุ่มบุคคลที่มีผลประโยชน์ และมีเจตนาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและศีลธรรมอันดีของพลเมือง มาทำการคุกคามและเรียกร้องให้มีการย้าย พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.พศ.
นอกจากนี้ ยังคงมีการคุกคามการทำงานของข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และทำตามระเบียบของทางราชการอันถูกต้องชอบธรรม ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นและเป็นที่ทราบกันอยู่ทั่วทั้งประเทศในคดีการทุจริตเงินทอนวัด ทำให้ภาคพลเมืองจำเป็นต้องยืนหยัดต่อสู้ เพื่อความถูกต้อง จึงรวมตัวกันเข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ ในการปกป้องข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ยึดกฎหมายและระเบียบทางราชการอย่างถูกต้องชอบธรรม และไม่ควรให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายและหลักธรรมาภิบาล
"พระผู้ใหญ่"ทำผิด กม.ก็ไม่ควรละเว้น
"เรายื่นข้อเรียกร้อง 5 ข้อถึงนายกฯ ผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น ซึ่งข้อที่สำคัญที่สุดคือการให้กำลังใจ พ.ต.ท.พงศ์พร และให้นายกฯปกป้อง ให้กำลังใจคณะทำงานทุกคนที่ยืนหยัดต่อสู้และทำตามระเบียบขั้นตอนกฎหมาย" นายตุลย์ กล่าว
นายตุลย์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้การดำเนินคดีทางอาญานั้นก็มีความคืบหน้าอย่างมากและมีการเปิดเผยรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะพระชั้นผู้ใหญ่มาแล้ว ซึ่งในเรื่องของการดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น ภาคพลเมืองคงไม่อาจก้าวล่วงอำนาจหน้าที่ใดๆได้ แต่การพร้อมใจยื่นหนังสือถึงนายกฯ ครั้งนี้สำคัญที่สุด คือ การดำเนินคดีกับพระเถระทุกรูปที่กระทำผิดกฎมายโดยไม่ละเว้นไม่ว่าชั้นยศใด โดยไม่ต้องเกรงกลัวต่ออิทธิพลใดๆทั้งสิ้น รวมทั้งดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่ละเมิดกฎหมายในเรื่องดังกล่าวทุกคน เพราะเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นอีกด้วย
แฉ"มาเฟียพระ"หนุ่นยื่นปลด"พงศ์พร"
นายตุลย์ กล่าวอีกว่า ภาคพลเมืองชาวขอนแก่นทุกคนให้กำลัง พ.ต.ท.พงศ์พร ที่กระทำการอย่างถูกต้อง ทำจริง ทำตามระเบียบ และขั้นตอนของกฎหมาย และต้องการให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนี้ต่อไป เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ โดยในเรื่องของคดีความนั้นเป็นการทำงานที่ชัดเจนร่วมกันทุกฝ่าย ที่วันนี้มีความคืบหน้าไปมาก และยังคงไม่ถึงการที่นายกรัฐมนตรีจะใช้มาตรา 44 มาจัดการในเรื่องดังกล่าว
"จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มคนที่มารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้ปลด พ.ต.ท.พงศ์พร ออกจากตำแหน่งเป็นกลุ่มจัดตั้งที่ภาคพลเมืองไม่อยากจะบอกว่ามีมาเฟียพระหนุนหลัง รวมไปถึงผู้ที่เสียผลประโยชน์จากการาตรวจสอบดังกล่าว ดังนั้นวันนี้คือการทำงานภายใต้กรอบของกฎหมายและทำตามระเบียบให้ถูกต้องจนนำไปสู่การเอาคนผิดที่เกี่ยวกับการทุจริตเงินทอนวัดมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ทั้งหมด และครบทุกคน ทั้งพระและฆราวาส" นายตุลย์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี