ร้องเชือดพระผู้ใหญ่
ปปง.หอบหลักฐานฟันฟอกเงิน
โยงโคตรโกงแก๊งเปรต
ศธ.สับเละแบงก์ใหญ่
ไม่คายหลักฐานทุจริต
ปปง. หอบหลักฐานเข้าแจ้งความกองปราบฯ ออกหมายเรียก “พระชั้นผู้ใหญ่” เค้นปม “ฟอกเงิน” ทุจริตเงินทอนวัด ขณะที่องค์กรต้านทุจริตขอนแก่นฮือร้อง “บิ๊กตู่” ช่วยป้อง “พงศ์พร” หลังถูกแก๊ง “องครักษ์” ผ้าเหลืองตามราวี ด้าน ศธ. สับเละแบงก์ใหญ่ไม่ยอมคาย
หลักฐานบัญชีทุจริตกองทุนเสมาฯ
วันที่ 25 เมษายน นายอรรถพล ตรึกตรอง ประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีทุจริตกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต กระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ได้เชิญกลุ่มที่รับผิดชอบเซ็นใบเบิกถอน ผู้ลงบัญชี และกลุ่มตรวจสอบภายใน ของกองทุนฯ 19 รายมาให้ข้อมูล ซึ่งจากการตรวจสอบบัญชีกองทุนพบว่า ไม่มีการเรียกใบเสร็จรับเงินเพื่อเป็นหลักฐานทางบัญชี
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า ช่วงนี้คณะกรรมการสืบสวนฯทำงานกันต่อเนื่องไม่มีวันหยุด โดยในวันที่ 7 พฤษภาคม จะสรุปผลการสืบสวน เสนอ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เพื่อพิจารณา ส่วนจะชี้มูลว่าใครผิดประเด็นไหน ซึ่งมีทั้งกรณีทุจริต ประมาทเลินเล่อ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เสนอให้ผู้ใหญ่วินิจฉัยและตัดสินใจแต่ละรายว่าอย่างไร
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า ปัญหาใหญ่ของทั้งคณะกรรมการสืบสวนฯ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) คือ ไม่ได้รับความร่วมมือจากธนาคารกรุงไทยเท่าที่ควร เพราะได้ทำหนังสือร้องขอหลักฐานการโอนเงินไปยังสาขา ก็ได้รับแจ้งกลับมาว่าไม่ได้อยู่ในอำนาจ ข้อมูลเก็บไว้ไม่เกิน 3 ปี จึงต้องทำหนังสือไปที่สำนักงานใหญ่แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ดังนั้นเพื่อเห็นแก่เด็ก จึงอยากเรียกร้องให้ธนาคารกรุงไทยออกมาให้ข้อมูล เพราะขณะนี้คณะกรรมการสืบสวนฯ และ ป.ป.ท. ต้องหาข้อมูลด้วยตนเองซึ่งมีปัญหามาก ทั้งที่ธนาคารกรุงไทยสามารถให้ข้อมูลได้เพราะใน 44 คนที่เราพบหลายคนมีการเปลี่ยนชื่อ หรือมีชื่อและนามสกุลซ้ำกัน
วันเดียวกัน เจ้าหน้าสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นำหลักฐานเส้นทางการเงินในคดีเงินทอนวัด เข้าพบ ผบก.ป. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอให้ออกหมายเรียก พระชั้นผู้ใหญ่ เข้ามาพบพื่อสอบสวนหาข้อเท็จจริง โดยคาดว่าจะสามารถออกหมายเรียกให้มาพบภายในสัปดาห์หน้า
รายงานข่าวระบุว่า จากการตรวจสอบคดีเงินทอนวัด ซึ่งเริ่มจากข้าราชการนำเงินทุจริตไปบริจาคให้กับพระสงฆ์ โดย ป.ป.ง. ได้ตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน จนพบว่ามีการฟอกเงินในวงการพระพุทธศาสนา เป็นวงกว้างและมีความผิดชัดเจน จึงนำหลักฐานส่งมอบให้ตำรวจกองปราบดำเนินการ
สำหรับประเด็นการคัดกรองเงินบริจาคและเงินทุจริต เจ้าหน้าที่ ปปง. จะพิจารณาจากอาชีพของพุทธศาสนิกชนและจำนวนเงินที่นำมาบริจาค หากพบจำนวนเงินมากกว่ารายได้ หรือ มากเกินฐานะ อาจเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน
ด้าน นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมือง จ.ขอนแก่น เข้ายื่นหนังสือถึงนายรัฐวิชญ์ พาฉิมพลี รักษาการ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ขอนแก่น เพื่อส่งต่อไปยังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ขอให้ช่วยปกป้อง พ.ต.ท.พงศ์พร พรามณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ข้าราชการผู้ปฎิบัติหน้าที่โดยสุจริตและทำตามกฎหมายบ้านเมือง
นายตุลย์ กล่าวว่า ในการสืบสวนสอบสวนในความผิดคดีทุจริตเงินทอนวัดที่ขณะนี้ทุกหน่วยงานได้ดำเนินการตามกรอบของกฎหมายแ แต่กลับมีกลุ่มคนที่มีเจตนาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและศีลธรรมอันดีของพลเมือง มาทำการคุกคามและเรียกร้องให้มีการย้าย พ.ต.ท.พงศ์พร พรามณ์เสน่ห์ จำเป็นต้องยืนหยัดต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ขอให้นายกฯช่วยปกป้องข้าราชการที่ปฎิบัติหน้าที่โดยสุจริต ยึดกฎหมายและระเบียบทางราชการอย่างถูกต้องชอบธรรม ไม่ควรให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายและหลักธรรมาภิบาล”นายตุลย์ กล่าว
ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายมานะ นิมิตมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอรัปชั่น (ประเทศไทย) ตั้งคำถามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรื่องความจริงจังในการปราบทุจริต หลังไม่มีประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) มา 8เดือนแล้ว ว่า คตช.เป็นฝ่ายนโยบาย เมื่อมีเรื่องถึงจะประชุม ถ้าไม่มีเรื่องไม่จำเป็นต้องประชุม และระหว่างที่ คตช.ไม่ได้ประชุม ศูนย์อำนวยการการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ที่เป็นฝ่ายปฏิบัติของ คตช. ได้ทำงานอยู่ทุกวัน มีการรายงานนายกฯ อยู่ตลอด
กระนั้นก็ตามคตช.จะมีการประชุมเร็วๆ นี้ เพราะมีการนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม คสช.เพื่อหารือเรื่องการปรับโครงสร้าง คตช. เนื่องจากมีปัญหาในเชิงบริหาร คณะกรรมการที่แต่งตั้งตามคำสั่ง คสช.หลายคนมีการปรับเปลี่ยน ดังนั้น เมื่อมีการปรับโครงสร้างเสร็จจะมีการประชุมต่อไป ยืนยันไม่มีอะไรชะงัก เพราะ ศอตช.ยังทำงานได้ และมีความจริงใจในการปราบทุจริต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำให้สัมภาษณ์ของ นายวิษณุ ในประเด็นดังกล่าว สอดคล้องกับเอกสารชี้แจงข่าวของ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่ง ทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการ คตช.โดยย้ำว่า คณะนี้ คตช.บางท่านได้พ้นตำแหน่งจากการเกษียณอายุราชการ จึงต้องเสนอรายชื่อใหม่ อีกทั้งจะไม่มีการประชุม คตช. แต่หัวหน้า คสช. ในฐานะประธาน คตช. ก็ได้มีการสั่งการให้กลไกการขับเคลื่อนการทำงานในระดับปฏิบัติ คือ ศอตช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองทัพบก กอ.รมน. สำนักงาน ป.ป.ท. ดำเนินการทั้งในส่วนของการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้มีการ เปิดช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนการทุจริตจากประชาชนเพิ่มมากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี