26 เม.ย.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ปปป.) ได้นำแฟ้มสำนวนคดีเงินทอนวัด ล็อต 3 จำนวน 8 แฟ้ม กว่า 4,000 หน้า แบ่งเป็น 7 วัด ผู้ต้องหา 20 คน แบ่งเป็นพระสงฆ์ 7 รูป และ ฆราวาส 13 คน ส่งมอบให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพิ่มเติม โดยระบุว่ามีพระสงฆ์ 7 รูป ที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งฆราวาส และเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กลุ่มใหม่เกี่ยวข้องด้วย และยังระบุว่ามีวัดที่ จ.อุดรธานี ที่ได้มีการลงพื้นที่ไปตรวจสอบแล้วนั้น
ผู้สื่อข่าว จ.อุดรธานี ตรวจสอบทราบว่า วัดที่ทาง บก.ปปป.เข้าทำการตรวจสอบ คือ วัดศรีนคราราม บ้านดงเมือง ต.กุมภวาปี อ.กุมภวาปี จึงเดินทางไปที่วัด เพื่อพบกับ พระโสภณพุทธิธาดา เจ้าอาวาสวัดศรีนคราราม และรองเจ้าคณะ จ.อุดรธานี (มหานิกาย) ที่กุฏิเจ้าอาวาส โดยสอบถามถึงเรื่องเงินทอนวัด ที่ทาง บก.ปปป.ลงพื้นที่ตรวจสอบ ทราบว่า เป็นการโอนเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม ที่ทาง พศ.โอนมาให้ทางวัด ประมาณ 10 ล้านบาท เมื่อประมาณ 5 - 6 ปีที่ผ่านมา
พระโสภณพุทธิธาดา เปิดเผยว่า ทราบเรื่องที่ทาง บก.ปปป.จะมาตรวจสอบที่วัด เพราะมีการส่งชื่อมาให้ก่อนจะเข้ามาตรวจสอบ โดยตรวจสอบที่ จ.อุดรธานี 3 วัด เมื่อตรวจสอบ 2 วัดเสร็จแล้ว ก็เข้ามาตรวจสอบที่วัดศรีนคราราม เพื่อตรวจสอบตามเงินที่มีการโอนเข้ามา พูดง่ายๆ คือ เขามาหาข้อมูลจากอาตมาว่า เมื่อเงินเข้ามาแล้ว นำไปทำอะไร มีโครงการที่ขอไปทาง พศ.หรือไม่ แล้วได้ทำอะไรอย่างไร กับเงินที่โอนเข้ามาอย่างไร
"ตอนนั้นเมื่อมีเงินเข้ามาแล้ว พลวงพ่อเองได้ประชุมร่วมกับคณะกรรมการสถานศึกษา ที่มีมติในตอนนั้นว่า ให้หลวงพ่อนำเงินที่รับโอนมาส่งคืนทาง พศ.เพราะทางวัดไม่มีโครงการอะไร ต้องส่งคืนให้เขา เพื่อจะได้นำเงินจำนวนนี้ไปจัดการศึกษาให้วัดอื่นต่อไป หลังจากนั้น 2 - 3 วัน หลวงพ่อจึงเบิกเงินจากธนาคาร นำไปคืน พศ.ที่กรุงเทพฯ ด้วยตัวเอง พร้อมกรรมการสถานศึกษาอีก 1 คน เป็นเงินสดทั้งหมดประมาณ 10 ล้านบาท โดยการคืนเงินไม่ได้มีหลักฐานอะไรมาให้ และก็ไม่ได้ถ่ายภาพไว้ และคนที่นับเงินตอนนี้ก็ไม่รู้อยู่ไหน คงจะเกษียณราชการไปแล้ว"
พระโสภณพุทธิธาดา กล่าวอีกว่า ที่เรานำเงินไปคืนเพราะบริสุทธิ์ใจ ซึ่งหลวงพ่อไม่ได้นำเงินนี้ไปใช้ในส่วนอื่นเลย เพราะเงินเหล่านี้ไม่ใช่ของเรา หลวงพ่อนำไปคืนทั้งหมดด้วยความบริสุทธิ์ใจ แล้วเราก็ไม่ประสงค์ที่จะเอาเงินของเขา เพราะเราไม่มีโครงการ ไม่มีแผนงาน ไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะขอเงินจากเขา โดยเขาจะเอาเงินไปทำอะไรต่อก็ไม่ทราบ ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะผ่านมา 5 - 6 ปีแล้ว ซึ่งหลังจากนั้นมาก็ไม่มีการโอนเงินอะไรมาให้อีก อีกทั้งทางอาตมาก็ไม่เคยขออะไรไป จะสร้างอะไรก็ใช้เงินจากที่ญาติโยมมาบริจาค หรือออกไปเทศน์ ทำกฐินผ้าป่า เท่านั้น มีก็ทำ ไม่มีก็เซ็นเขาไว้ก่อน
เจ้าอาวาสวัดศรีนคราราม กล่าวต่อไปว่า หลังจากที่มีข่าวออกมา มีชื่อวัดของอาตมาอยู่ด้วย คิดว่าไม่เป็นไร เพราะตอนเขาเข้ามาตรวจสอบอาตมากับกรรมการสถานศึกษา 4 - 5 คน เขาก็ให้ข้อคิดว่า ที่เขามาเพื่อเอาเป็นพยาน เพื่อจะสืบสาวต่อไป เอาเรื่องไปถึงผู้ที่ทุจริต เพราะวัดเราไม่ได้ทุจริต คนที่ทำเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักพุทธฯ พระไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่เจ้าหน้าที่ของ พศ.มาเกี่ยว ซึ่งเขาจะทำโครงการอะไรมา อาตมาก็ไม่รู้เรื่องกับเขา เราก็อยู่ที่วัดเรา เมือส่งเงินคืนไปแล้วก็คิดว่าเรื่องจบไปแล้ว มันก็มามีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา อาตมาก็ได้ให้เอกสารหลักฐานต่างๆ กับทางเจ้าหน้าที่ บก.ปปป.ไปหมดแล้ว ที่เขาขึ้นรายชื่อวัดของ จ.อุดรธานี ก็คือมันอยู่ในข่ายของเขา ที่เขามาสอบไปแล้วว่า เมื่อได้เงินไปแล้ว นำไปทำอะไร อาตมาได้ให้ข้อมูลไปหมดแล้ว
"ตอนนั้นอาตมาประชุมร่วมกับกรรมการสถานศึกษา ที่เห็นว่า เมื่อเงินมันมาไม่ถูกทาง เราก็ต้องรีบส่งกลับคืนให้เขาไป เพราเราไม่ได้ขอไป ซึ่งตอนนั้นคนโอนคงเห็นว่าที่วัดไหนที่เจ้าอาวาสมีบารมี พูดจาเข้าใจกัน เพราะอาตมาเป็นคนใจกว้างใจดีอยู่แล้ว เขาก็เลยโอนเงินส่งมาให้ เมื่อได้มาเราก็รีบส่งกลับไป ซึ่งตอนที่เขาโทรศัพท์มาบอกมีเงินเข้ามา อาตมาก็ตกใจ เพราะเกิดมายังไม่เคยเห็น เคยมีเงิน 10 ล้านบาท ปกติอาตมาก็ใช้เงินในโรงเรียนพระปริยัติธรรม ประมาณเดือนละ 260,000 บาท ที่ทางสำนักพุทธฯ จ.อุดรธานี โอนมาให้ ตามจำนวนนักเรียนสามเณรที่มาเรียน ประมาณ 127 รูป โดยเรียนระดับขั้น ม.1 - 6 ซึ่งเป็นค่าตอบแทนครู ค่าภัตราหาร ค่าน้ำค่าไฟ ค่าวัสดุอุปกรณ์การเรียนการสอน"
ผู้สื่อข่าวถามว่า หนักใจไหมที่มีการแจ้งความดำเนินคดี พระโสภณสุทธิธาดา ตอบว่า ก็ไม่หนักใจ แต่ตกใจมากกว่า เพราะจู่ๆ ก็แจ้งว่าวัดมีเอี่ยวด้วย ซึ่งเราคืนเงินไปแล้วเมื่อ 5 - 6 ปีก่อน ประมาณ 10 ล้านบาท เพราะอาตมาเชื่อในความบริสุทธิ์ใจของเรา ตัวเราไม่ได้เอา จะทำอย่างไรก็แล้วแต่กระบวนการ ให้เขาว่ากันไป ทุกอย่างบริสุทธิ์ใจ นี่คือความสบายใจของอาตมา ถ้าปกติก็คงจะเครียด ซึ่งก็ไม่เจอเหตุแบบนี้มาก่อน แล้วอาตมาก็ไม่ได้ติดใจอะไร สิ่งนี้ถือว่าเป็นบทเรียน ซึ่งต่อไปก็จะได้บอกเพื่อนพระต่างๆ ว่า อย่าไปนำเงินที่ไม่ได้ขอหรือเงินอื่นๆ มาทำแบบนี้ เรื่องนี้มันละเอียดอ่อน ต้องคุยต้องปรึกษาหารือกันก่อนว่าจะทำอย่างไร เพราะเดี๋ยวนี้มีข่าวมาก็ดังไปหมด อาตมาอยู่บ้านนอกแบบนี้ มีข่าวออกมา ก็มีเพื่อนพระ ลูกศิษย์ลูกหาโทรมาถาม อาตมาก็บอกว่าไม่มีอะไร เขาก็มาตรวจสอบตามหน้าที่ตามสายงาน แต่ถ้าตอนนี้อาตมาเอาเงินนี้ไปใช้ นั่นแหละถึงจะผิด มืทุกข์ขึ้นมา ขาหนึ่งก็ก้าวเข้าคุกไปแล้ว แต่เราบริสุทธิ์ใจ ก็ไม่ได้คิดอะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่จาก บก.ปปป.ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการทุจริตเงินทอนวัด ในพื้นที่ จ.อุดรธานี เมื่อช่วงกลางเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา โดยเข้าตรวจสอบวัดโพธิสมภรณ์ พระอารามหลวง (ธรรมยุติ) เทศบาลนครอุดรธานี , วัดมัฌชิมาวาส พระอารามหลวง (มหานิกาย) เทศบาลนครอุดรธานี และวัดศรีนคราราม (มหานิกาย) อ.กุมภวาปี ซึ่งการตรวจสอบครั้งนั้น ทาง บก.ปปป.ไม่อนุญาตให้ติดตามเข้าไปทำข่าว จนถึงวันนี้จึงมีการแจ้งความดำเนินคดีกับวัดศรีนครารามดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี