26 เม.ย.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อว่างเว้นจากการทำนา เกษตรกรในหลายพื้นที่ต่างเร่งปรับปรุงเตรียมดินด้วยกรรมวิธีการต่างๆ เพื่อฟื้นฟูหน้าดินและปรับปรุงดินอย่างถูกวิธีเพื่อเป็นการลดใช้สารเคมี ชาวบ้านที่นี่จึงเร่งทำปุ๋ยอินทรีย์เพื่อนำมาฟื้นฟูดินในนา
โดยชาวบ้านนาดอกไม้ ต.หนองหญ้าป้อง อ.วังสะพุง จ.เลย หลายสิบคนเร่งช่วยกันขุด พลิก กลบปุ๋ยอินทรีย์ ที่เริ่มทำกันตั้งแต่ช่วงเดือนมีนนาคมที่ผ่านมา เพื่อใส่น้ำหมักชีวภาพพร้อมทำให้วัสดุที่นำมาทำปุ๋ยอินทรีย์ย่อยสลายได้ง่าย เนื่องจากที่ผ่านมาเกษตรกรในพื้นที่ต้องคลุกคลีอยู่กับสารเคมี ทั้งยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง รวมถึงปุ๋ยเคมี จากการปลูกอ้อยและพืชเชิงเดี่ยว
จากการเก็บข้อมูลและตรวจสุขภาพพบว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ อาการเจ็บป่วย ปวดขาจากการเข้าไปพบแพทย์ได้รับการวินิจฉัยโรค ว่ามีสารเคมีปนเปื้อนในร่างกายเกินค่ามาตรฐาน เนื่องจากการใช้สารเคมีในการทำการเกษตร
นางตุ๊ พันยา ผู้ใหญ่บ้าน บ้านนาดอกไม้ กล่าวว่า จำนวนพื้นที่ทำการเกษตรของชาวบ้านรวมแล้วประมาณ 2,009 ไร่ ปี 2560 ที่ผ่านมาชาวบ้านปลูกข้าว 78 ครัวเรือน ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่ เพราะแบ่งพื้นที่ไปปลูกอ้อยส่วนใหญ่ มันส่งผลกระทบต่อตัวเองมีการเจ็บป่วยไปหาหมอ หมอบอกว่าเกิดจากการใช้สารเคมี จึงมีการทำประชาคมหมู่บ้านและลงมติในหมู่บ้านว่า
จะต้องลดสารเคมีในอาหารที่เรากินอยู่ทุกวันลง นั่นคือข้าวพอรู้ว่าเราจะลดสารเคมีในนาข้าวแล้วเราจะเอาอะไรมาทดแทน เริ่มจากการปลูกพืชบำรุงดิน เมื่อเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จเราปลูกถั่วเหลืองก็สามารถปรับปรุงดินได้ หากคนไหนไม่ปลูกถั่วเหลือง ก็ไถพรวนแล้วนำต้นปอเทืองมาหว่านให้ออกดอกแล้วไถกลบเตรียมดิน
จากการลงมติของหมู่บ้านมีการเปิดรับสมาชิกผู้ที่สมัครใจเป็นอันดับแรก เพื่อมาทำการเกษตรแบบใหม่ที่แตกต่างจากแบบเดิมเมื่อก่อน ทำแล้วปุ๋ยเคมีหว่าน จุดไฟเผาเลย ทำให้ไถง่าย ตอนนี้เอาปอเทืองมาหว่าน พอโตก็ไถกลบ ไถกลบตอซังข้าวด้วยและมาทำปุ๋ย ทั้งสูตรเร่งด่วนและหลายเดือนก็ได้นำสูตรปุ๋ยนี้กลับไปทำที่บ้านด้วย การคิดปรับเปลี่ยนเรื่องอาหารที่กินอยู่ทุกวันให้ปลอดภัยโดยเฉพาะข้าว คือสิ่งที่สมาชิกในหมู่บ้านเห็นพ้องกันว่าต้องให้ปลอดสารเคมีหรือมีน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงดำเนินการลงมติชุมชนพร้อมเปิดรับสมาชิกที่สมัครใจเข้าร่วม เริ่มแรกมีจำนวน 35 คน และในปีนี้2561 มีสมาชิกต้องกรเข้าร่วมเพิ่มขึ้นเป็น 65 คน
ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานกองทุนส่งเสริมสุขภาพ หรือสสส.วัสดุง่ายๆที่หาได้จากชุมชนท้องถิ่นใกล้เคียงกันจะถูกนำมาผสมให้เข้ากัน มูลสัตว์โดยเฉพาะโค กระบือ หมูจะถูกนำมาผสมกับรำข้าว แกลบ กากน้ำตาลจากอ้อย และน้ำหมักชีวิภาพก่อนที่ชาวบ้านจะช่วยกันเกลี่ยให้เข้ากัน รดน้ำหมัก คลุมด้วยผ้ายางใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ก็สามารถนำออกมาแบ่งปันกันไปใช้ได้ ปุ๋ยอินทรีย์ที่ชาวบ้านร่วมกันทำ เมื่อกรอกใส่ถุงเสร็จเรียบร้อยปุ๋ยเหล่านี้จะถูกแบ่งปันกันไปคนละเท่าๆ กันเพื่อนำไปใส่ในนาข้าวของตนเอง ในฤดูกาลทำนาที่กำลังจะมาถึง
ผู้นำชุมชนนาดอกไม้ กล่าวเพิ่มเติมว่า 'ปุ๋ยที่ชาวบ้านทำร่วมกันนั้นมีส่วนผสมจาก กากหม้อกรองของอ้อย ขี้วัววัวขี้หมู รำข้าวและกากน้ำตาล นำมาผสมกันในอัตรา 1ต่อ1 ขี้วัว 1 กระสอบขี้หมู 1 กรอบสอบ กากหม้อกรอง 1กระสอบขนให้เข้ากันแล้วกากน้ำตาลผสมน้ำมารดแล้วพลิกกลบให้เข้ากันหมักทิ้งไว้แล้วเอาผามาคลุ่มไว้เวลาฝนตกจะได้ไม่ชะล้างสารอาหารของพืชไหลออกไปฉลาด บัวระภา ชาวบ้านนาดอกไม้กล่าวเพิ่มเติมว่าเมื่อหมักไดที่จะแบ่งปันกันในอัตราคนละเท่า ๆ กันเพื่อเอาไปใส่ในนาตัวเอง มันแตกต่างจากเมื่อก่อนมากอันดับแรกๆที่สามารถรับรู้ได้คือต้นข้าวไม่ล้มเพราะนาผมเป็นพื้นที่นาลุ่มน้ำเยอะแต่ต้นข้าวมันแข็งและรวงข้าวที่ออกมาจะไม่เป็นโรคเมื่อก่อนจะมีเมล็ดสีดำปน มันแตกต่างจริง ๆ ผมกล้าพูดเลย'
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี