29 เม.ย.61 นายวัส ติงสมิตร ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวถึงการส่งข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีการจัดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (National Action Plan on Business and Human Rights - NAP) ไปให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 247 (3) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.2560 มาตรา 26 (3) และมาตรา 42 ให้มีผลในทางปฏิบัติโดยเร่งด่วน
อีกทั้งเพื่อให้เป็นไปตามปฏิญญาความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติในประเทศไทย (UN Guiding Principles on Business and Human Rights : UNGPs) ที่หน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคธุรกิจ และ กสม.ได้ร่วมลงนามในงานสัมมนาวิชาการเรื่อง "การเผยแพร่และขับเคลื่อนหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติในประเทศไทย" ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 31 พ.ค.60
ปธ.กสม.กล่าวต่อไปว่า ข้อเสนอแนะของ กสม.ต่อการจัดทำแผนฯ ดังกล่าวครอบคลุมหลักการเคารพ ปกป้อง และเยียวยา อันเป็น 3 เสาหลักพื้นฐานของ UNGPs ที่ประเทศไทยให้การรับรอง ตลอดจนข้อเสนอในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย รวมทั้งสิ้น 12 ข้อ จำนวน 49 หน้า ได้แก่ การจัดลำดับความสำคัญของปัญหาและมาตรการการแก้ไขปัญหาด้านธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน มาตรการป้องกันและเยียวยาที่มีประสิทธิภาพ การนำนโยบายของรัฐบาลในเรื่องนี้ไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
วัส ติงสมิตร
การให้รัฐวิสาหกิจเป็นผู้นำในการเคารพและส่งเสริมการทำธุรกิจที่เคารพสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจหรือองค์กรภาคเอกชนที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการทางกายภาพ การขนส่ง สารสนเทศการสื่อสาร และบริการอื่นๆ นอกจากนี้ กสม.ยังได้เสนอแนะเรื่องการสร้างหลักประกันการเคารพสิทธิมนุษยชนในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยให้หน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจศึกษาแนวทางในการเสริมสร้างมาตรการที่มีประสิทธิภาพในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ รวมถึงการนำหลักการเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐอย่างยั่งยืน (Sustainable Public Procurement) มาใช้ในทางปฏิบัติ
การสร้างหลักการสำคัญที่จะประกันว่าการลงนามในสนธิสัญญาทางการค้าระหว่างประเทศของไทยจะไม่ส่งผลกระทบด้านลบต่อสิทธิมนุษยชน การส่งเสริมสนับสนุนให้ภาคธุรกิจจัดทำรายงานการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence) และเปิดเผยต่อสาธารณะ ขณะที่แผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ยังควรระบุถึงแนวทางและวิธีการแก้ไขปัญหาช่องว่างทางกฎหมายและกระบวนการทางปกครองที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ
รวมถึงการเร่งรัดการแก้ไขกฎหมายเพื่อป้องกันการใช้สิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีโดยไม่สุจริตหรือบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อกลั่นแกล้งหรือเอาเปรียบหรือฟ้องคดีเพื่อสกัดกั้นนักปกป้องสิทธิมนุษยชน (Anti-SLAPP Law) และยังควรระบุถึงกลไกการเยียวยานอกกระบวนการยุติธรรมของรัฐ การออกกฎหมายว่าด้วยการเยียวยานอกกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้หน่วยงานสามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกลไกการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางธุรกิจได้อย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ
"ตั้งแต่ปี 2544 - 2560 กสม.ได้รับเรื่องร้องเรียนการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมในเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนจำนวน 2,199 เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินธุรกิจที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมทั้งที่เกิดในประเทศไทยและจากโครงการลงทุนหรือพัฒนาทั้งของรัฐและเอกชนสัญชาติไทยในประเทศเพื่อนบ้าน ปัญหาสิทธิแรงงาน แรงงานข้ามชาติ กลุ่มเปราะบาง ซึ่งคำร้องเรียนส่วนใหญ่มีลักษณะที่ไม่อาจดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เสร็จสิ้นได้เฉพาะตัวเป็นรายกรณี" นายวัส ระบุ
ปธ.กสม.กล่าวในท้ายที่สุดว่า ด้วยเหตุผลข้างต้น ประเทศไทยจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบ นโยบาย แนวปฏิบัติ และสภาพแวดล้อมให้ตอบสนองต่อประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลมากยิ่งขึ้น ดังนั้น กสม. จึงได้จัดทำข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
กรณีการจัดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (National Action Plan on Business and Human Rights - NAP) ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา โดยเฉพาะกระทรวงยุติธรรมในฐานะผู้รับผิดชอบ นำข้อเสนอของ กสม.ไปพิจารณาประกอบการจัดทำแผนฯ ซึ่งรัฐบาลมุ่งหวังจะให้แล้วเสร็จภายในปี 2561 เพื่อให้การขับเคลื่อนหลักการชี้แนะฯ บังเกิดผลและเกิดการสร้างวัฒนธรรมการเคารพสิทธิมนุษยชนในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี