ดัดหลังมอดไม้
รวบแก๊งตัด‘พะยูง’
ส่งขายต่างประเทศ
ตำรวจกาฬสินธุ์นำตัว 3 ผู้ต้องหาขบวนการมอดไม้ ชี้จุดตัดไม้พะยูงภายในป่าสาธารณะโคกดงหวาย อำเภอกมลาไสย หลังจากที่ชุดสืบสวนตามแกะรอย และซ้อนแผน เพื่อกวาดล้างเครือข่ายตัดไม้พะยูงข้ามชาติ
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 30 เมษายน 2561 พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ ผกก.สภ.กมลาไสย พ.ต.ท.อาคม นารินทร์ รอง ผกก.สภ.สืบสวน พ.ต.ท.นรวิชญ์ แสงทัพ สว.สส.สภ.กมลาไสย พร้อมกำลังตำรวจชุดสอบสวน ตำรวจสายตรวจ และตำรวจชุดสืบสวน สภ.กมลาไสยร่วมกับนายสายัน กมลมูล นายก อบต.โคกสมบูรณ์ และผู้นำหมู่บ้านใน ต.โคกสมบูรณ์นำตัวผู้ต้องหาคดีลักลอบตัดไม้พะยูง จำนวน 3 คน ประกอบด้วย นายวรพงษ์ หรือก๊อฟ อ่อนรัชชา อายุ 21 ปี บ้านเลขที่ 45 หมู่ที่ 1 ตำบลเหนือ อ.เมืองกาฬสินธุ์ , นายวิลัย หรือธง อะลากูล อายุ 18 ปี บ้านเลขที่ 67 หมู่ที่ 8 ต.เหนือ อ.เมืองกาฬสินธุ์ และ นายจตุพล หรือตุ่ย จุฑาฤทธิ์ อายุ 20 ปี บ้านเลขที่ 48 หมู่ที่ 8 ต.เหนือ อ.เมืองกาฬสินธุ์ ไปชี้จุดตัดไม้พะยูงภายในป่าสาธารณะโคกดงหวาย บ้านหนองอีกุ้ม ม.7 ต.โคกสมบูรณ์ อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์
ทั้งนี้หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.มณี สาระขันธ์ สารวัตรสอบสวน สภ.กมลาไสย ได้รับแจ้งว่า มีคนร้ายเข้าไปลักลอบตัดไม้พะยูงภายในป่าสาธารณะโคกดงหวาย ตรงด้านทิศตะวันตก จำนวน 5 ต้น และได้ทำการหั่นไม้เตรียมที่จะเคลื่อนย้าย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำ เจ้าหน้าที่ป่าไม้และผู้นำชุมชนทำการตรวจยึด พร้อมทั้งซ้อนแผน และได้วางสายเพื่อดักจับกุม จนกระทั้งเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2561 คนร้ายทั้ง 3 คน ย้อนกลับเข้าไปลักลอบตัดไม้พะยูงฝั่งทิศตะวันออกอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ฝ่ายสืบสวนได้วางแผนซุ่มจับกุม จนสามารถจับได้ในช่วงเวลา 01.30 น.ของวันที่ 28 เมษายน 2561 ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนให้การรับสารภาพ ว่าไม้พะยูง ทั้งสองแห่งพวกตนเป็นคนตัด โดยได้รับการว่าจ้างคนละ 5,000 บาท ในแต่ละครั้ง ทั้งนี้จะมี นายซูมฯ ไม่ทราบนามสกุล เป็นชาวบ้านตำบลเชียงเครือ จ.กาฬสินธุ์ เป็นผู้มาว่าจ้างโดยตรง และทราบว่าจะมี นายทุนใหญ่ คือ นายสมบัติ หรือบัติ (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) ชาวจังหวัดหนองคาย เป็นผู้ว่าจ้างมาอีกทอดหนึ่ง
พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้จากแนวทางการสืบสวนเชื่อว่าไม่ใช่เพียง 2 ครั้ง เพราะคำให้การไม่ตรงกัน แต่พฤติกรรมที่น่าเป็นห่วงนั่นคือ ผู้ต้องหาทั้งหมดเสพยาบ้า ซึ่งปรากฏภายหลังจากที่ตำรวจจับกุมและตรวจฉี่เป็นสีม่วง อีกทั้งในด้านค่าจ้างถือว่าน้อยมากหากเปรียบเทียนกับราคาไม้พะยูง ที่ลักลอบตัดในปัจจุบัน ทั้งนี้แนวทางการกวาดล้างตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจภูธรภาค 4 ได้เน้นในเรื่องของการจับกุม โดยเฉพาะผู้ต้องหาและให้ดำเนินการขยายผล
“ในกรณีนี้ เป็นการลักลอบตัดด้วยการใช้เลื่อยมือ หรือเลื่อยสองเกลอ ซึ่ง นายก๊อฟ จะเป็นผู้ขี่จักรยานยนต์ และมี นายธง เป็นผู้นั่งซ้อนท้ายมาดูเป้าหมาย จากนั้น นายตุ่ย ก็จะขี่รถจักยานยนต์มาอีกคันและทำการตัดไม้ในช่วงกลางวันและกลางคืน หลังจากที่ไม้ล้มแล้วก็จะทำการโทรศัพท์เรียกรถผู้ว่าจ้างเข้ามารับในช่วงกลางดึกแล้วก็จะหลบหนีไปสิ่งสำคัญในการป้องกันป่าไม้นั่นก็คือการแจ้งเบาะแสคนร้าย หากพบว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาในป่าเบื้องต้นให้คาดการณ์ไว้เลยว่ากลุ่มนี้คือแก๊งมอดไม้และหากมีการเคลื่อนไหวหรือต้องสงสัยก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตรวจสอบทันที ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาผืนป่าของเราเอาไว้” พล.ต.ต.มนตรี กล่าวในที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี