สอศ.ร่วมกับKOSENจัดหลักสูตร5ปี ผลิตอาชีวะพันธุ์ใหม่ นำร่อง2วิทยาลัยๆละ20คน คาดจะสามารถผลิตกำลังคนรองรับภาคอุตสาหกรรมและไทยแลนด์4.0
3 พ.ค.61 ที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ดร.สุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) พร้อมด้วย นายทานิคูชิ อิสะ ประธานสถาบันโคเซ็น (KOSEN) ประเทศญี่ปุ่น และคณะ ได้ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) (ต่อเนื่อง 5 ปี) ตามมาตรฐานโคเซ็น โดยมีผู้บริหาร อาจารย์จาก 2 วิทยาลัยที่เข้าร่วมโครงการนำร่อง อาทิ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุรี) และวิทยาลัยเทคนิคสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา รวมถึงนักเรียน ที่ผ่านการคัดเลือกได้เข้าเรียนหลักสูตรโคเซ็น จำนวน 40 คน เข้าร่วม
โดย ดร.สุเทพ กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ร่วมกับสถาบัน KOSEN ประเทศญี่ปุ่น เปิดหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) (ต่อเนื่อง 5 ปี) ตามมาตรฐานโคเซ็น เป็นครั้งแรกในประเทศไทย และเป็นหลักสูตรภายใต้โครงการผลิตอาชีวะพันธุ์ใหม่ และบัณฑิตพันธุ์ใหม่ เพื่อสร้างกำลังคนที่มีสมรรถนะสูง สำหรับภาคอุตสาหกรรม New Growth Engine ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และการปฏิรูปการศึกษาไทย ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยในปีการศึกษา 2561 นี้ สอศ.ได้เปิดรับสมัครนักเรียนหลักสูตรตามมาตรฐานโคเซ็น 2 สาขาวิชา ได้แก่ 1.สาขาวิชาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (สาขางานหุ่นยนต์เพื่อการอุตสาหกรรม) จำนวน 20 คน ดำเนินการจัดการเรียนการสอน ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุรี) และ 2.สาขาวิชาวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์ (สาขางานเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์) จำนวน 20 คน ดำเนินการจัดการเรียนการสอน ที่วิทยาลัยเทคนิคสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา
สำหรับเกณฑ์การสอบคัดเลือกนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ที่มีเกรดเฉลี่ย 3.00 ขึ้นไป เพื่อเข้าศึกษาในหลักสูตรตามมาตรฐานโคเซ็น ซึ่งมีการเปิดสอบไปเมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา การสอบคัดเลือกแบ่งเป็นการสอบข้อเขียน ดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญจากประเทศญี่ปุ่น และการสอบสัมภาษณ์ ดำเนินการโดยผู้บริหารและครูในสถานศึกษานำร่อง ซึ่งผลการสอบเป็นที่น่าพอใจ ได้จำนวนนักเรียนครบตามเป้าหมาย
เลขาธิการ กอศ.กล่าวต่อว่า สอศ.ได้ลงนามความร่วมมือ กับ National Institute of Technology (NIT) สถาบัน KOSEN ประเทศญี่ปุ่น เพื่อแลกเปลี่ยนช่วยเหลือ และสนับสนุนทางวิชาการ การแลกเปลี่ยนและพัฒนาบุคลากร นักเรียน นักศึกษา และงานศึกษาวิจัย จึงเกิดการพัฒนาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ต่อเนื่อง 5 ปี) ตามมาตรฐานโคเซ็น เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ทั้งนี้ สอศ.ได้เตรียมความพร้อมในการเปิดการเรียนการสอน อาทิ การอบรมพัฒนาครูตามมาตรฐานโคเซ็น การสร้างความร่วมมือกับสถานประกอบการ เพื่อจัดการเรียนการสอนแบบ WIL (Work Integrated Learning) ที่มีความเข้มข้น และการจัดเตรียมครุภัณฑ์พื้นฐานให้สอดคล้องกับหลักสูตร โดยมี Dr.Matsumoto Tsutomo ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบัน KOSEN ประเทศญี่ปุ่น ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ ไทย - ญี่ปุ่น โคเซ็น (Japanese - Thai KOSEN Institute of Engineering and Technology) เป็นผู้ให้คำแนะนำ
"สอศ.ได้ร่วมมือกับโคเซ็นใน 2 สาขานี้ โดยในปีแรกนี้รับสาขาละ 20 คน คาดว่าในปีหน้าจะขยายไปยังวิทยาลัยอื่นที่มีความพร้อม และอาจจะรับนักศึกษาเพิ่มเป็นสาขาละ 40 คน ดังนั้น ในอีก 5 ปีข้างหน้า เราจะผลิตช่างฝีมือคุณภาพได้ไม่น้อยกว่า 5,000 คน และในอนาคตจะเปิดสาขาที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการพัฒนานวัตกรรม (S-Curve) ในวิทยาลัยที่มีความพร้อมอื่นแน่นอน ผมเชื่อมั่นว่าผู้ที่เรียนจบหลักสูตรโคเซ็น จะมีความเก่ง จะต้องเป็นวิศวกรรมสังคม เป็นนักนวัตกรรมมากยิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้มีบริษัทของญี่ปุ่นกว่า 7,000 แห่งที่มาตั้งโรงงานอยู่ในประเทศไทย แต่มีกำลังคนให้ยังไม่เพียงพอ ดังนั้น สอศ.จะต้องผลิตกำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการ"
ด้าน นายทานิคูชิ อิสะ ประธานสถาบันโคเซ็น กล่าวว่า โคเซ็นจัดการเรียนการสอนเฉพาะทางและประสบความสำเร็จในประเทศญี่ปุ่น สำหรับผู้ที่เรียนจบหลักสูตร 5 ปีนี้ จะมีความรู้ จะเป็นนักปฏิบัติ ที่มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถสร้างนวัตกรรรมใหม่ๆให้กับสังคม และจะได้เข้าทำงานในบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นโดยใน 3 ปีแรก การเรียนของทั้ง 2 สาขา จะเน้นวิชาพื้นฐาน เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และฟิสิกส์ ส่วนปีที่ 4 และปี 5 จะเน้นการฝึกปฏิบัติและการคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างนวัติกรรมใหม่ๆ
"โคเซ็นสัญญาว่า จะสร้างนักเรียนที่เป็นที่ต้องการของบริษัทต่างๆ แต่นักเรียนจะต้องเรียนฝึกปฏิบัติอยากหนักเพื่อให้ประสบความสำเร็จ มั่นใจว่าผู้เรียนของโคเซ็นในวันนี้ จะกลายเป็นโซเชียลด๊อกเตอร์ ในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆให้สังคมดีขึ้น และเมื่อนักเรียนไปทำงานก็สามารถสร้างสิ่งดีๆสถานประกอบการและสังคมไทย พวกคุณเป็นอนาคตที่ดีของประเทศชาติและเป็นอนาคตที่ดีต่อไป"
นายทานิคูชิ กล่าวว่า นักเรียนที่จบจากโคเซ็นในประเทศญี่ปุ่น จะได้รับความเป็นนักวิชาชีพผนวกกับความคิดสร้างสรรค์ในการที่จะครีเอทนวัตกรรมใหม่ๆ จบแล้วได้เงินเดือนมากกว่าผู้ที่จบมหาวิทยาลัย 4 เนื่องจากเด็กที่จบโคเซ็นมีความเชี่ยวชาญทางด้านอาชีพ และเด็กญี่ปุ่นมีความพยายามและท้าทายในการสร้างชิ้นงานใหม่ๆ เพื่อไปตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรม เพราะฉะนั้นเงินเดือนจึงได้มาก และเด็กที่เรียนก็ทำงานหนักมาก ทุกภาคเรียนจะต้องเรียนเชิงงานและต้องทำนวัตกรรม
ด้าน นายธนภัทร ปุ้ยพันธวงศ์ (เจได) กล่าวว่า ตนสอบเข้าเรียนได้ในสาขาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาล้ยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุรี) หลังจากสอบได้แล้วทางวิทยาลัยก็จัดแคมป์ให้เรียนสอนภาษาญี่ปุ่น 10 วัน ซึ่งเดิมตนมีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นอยู่บ้างแล้วจึงไม่หนักใจในการเรียนหลักสูตรโคเซ็น และที่เข้ามาเรียนตั้งใจอยากผลิตนวัตกรรมในการลดขยะ และลดมลภาวะโลกร้อน ลดมลพิษทางรถยนต์ และอยากสร้างนวัตกรรมมาช่วยลดมลพิษต่างๆทั้งทางอากาศ ถ้าเป็นไปได้ไม่อยากให้มีมลพิษเลย
"การที่สถาบันโคเซ็นมาร่วมกับประเทศไทยดีมาก เรียนจบโคเซ็นแล้วจะได้มีความรู้มีงานทำ หรือถ้าเก่งมากๆ ก็สามารถไปทำงานต่างประเทศได้รับประสบการณ์และความรู้ใหม่ๆ แล้วกลับมาพัฒนาประเทศไทย"
ขณะที่ นายปรัชญ์พล กาญจนสีมา กล่าวว่า รู้สึกดีมาก ที่ได้รับคัดเลือกเข้ามาศึกษาในสาขาวิชาวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์ วิทยาลัยเทคนิคสุรนารี จ.นครราชสีมา และได้เตรียมพร้อมโดยการไปเรียนพิเศษภาษาญี่ปุ่น และเข้าค่ายปรับพื้นฐานร่วมกับครูที่ดูแล แล้วไม่รู้สึกหนักใจ คิวว่าจะได้สิ่งดีๆ จากการเรียนหลักสูตรโคเซ็น เพราะเป็นเรื่องที่ตนไม่เคยเรียนรู้มาก่อน เมื่อมีความรู้สิ่งที่อยากทำคือ ผลิตวิลแชร์ช่วยเหลือคนพิการที่ไม่สามารถเดินได้ ให้ช่วยเหลือตัวเองสะดวกขึ้น
"ส่วนอนาคตอยากเป็นครูสอนที่วิทยาลัยเทคนิคสุรนารี เพื่อนำความรู้ที่ได้ไปช่วยสอนฝึกนักเรียนรุ่นต่อไปให้ไปช่วยพัฒนาประเทศ ซึ่งการเรียนในสาขาเมคคาทรอนิกส์ จะเกี่ยวกับหุ่นยนต์ที่ใช้ในการผลิตให้ภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมแล้วยังรองรับไทยแลนด์ 4.0 ของประเทศเราด้วย"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี