เผยผลสอบ "ปลัด-รองปลัด พม.พร้อมข้าราชการอีก 9 คน" พบมีมูลความผิดจริง ผิดวินัยร้ายแรงร่วมกันทุจริตเงินคนจน ขณะที่ "ผอ.-หัวหน้าฝ่ายศูนย์ฯขอนแก่น" ถูกไล่ออกจากราชการ เปิดประวัติ "อดีตปลัด พม."เคยนั่งเก้าอี้ "อธิบดีกรมพัวพันทุจริตเงินคนไร้ที่พึ่ง" จนถูกเด้งพร้อมรองปลัดฯไปประจำสำนักนายกฯก่อนพบผิดวินัยร้ายแรง โกงเงินคนจน
วันนี้ (4 พ.ค.61) พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการสามัญ (อ.ก.พ.) ประจำกระทรวงฯว่า วันนี้ อ.ก.พ.ได้มีการพิจารณาผลการสอบสวนที่คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงได้สรุปผลสอบศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จังหวัดขอนแก่น โดยลงโทษไล่ออกจากราชการแก่ผู้อำนวยการศูนย์ฯ และหัวหน้าฝ่ายสวัสดิการสังคมรวม 2 คน ซึ่งถือเป็นการลงโทษที่ร้ายแรงที่สุด อ.ก.พ.จึงต้องพิจารณาอย่างละเอียด เพราะการลงโทษคนต้องดูเหตุผลและต้องซักถามคณะกรรมการฯ ในประเด็นต่างๆ ด้วย จึงใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมงในการพิจารณา
"โดยจากการหารือพบทั้ง 2 คนมีมูลความผิดจริง จึงเห็นควรให้ไล่ออกจากราชการโดยไม่ได้รับเงินเดือนและสวัสดิการ รวมถึงเงินบำนาญ ตามที่คณะกรรมการฯเสนอ แต่เพื่อให้เกิดความรอบคอบจึงต้องพิจารณา สำนวนอย่างละเอียด ก่อนเห็นควรให้มีการลงโทษสัปดาห์หน้า" พล.อ.อนันตพร กล่าว
พล.อ.อนันตพร กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงผู้บริหารระดับสูง นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ปลัด พม. และนายณรงค์ คงคำ รองปลัด พม.และพวกอีก 24 คนที่อยู่เบื้องหลังการทุจริตเงินสงเคราะห์นั้น เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา นายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ประธานคณะกรรมการสอบฯ รายงานว่าจากการสอบสวนสรุปพบมีมูลความผิดจริง และผิดวินัยร้ายแรง 11 คน คือ นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ปลัด พม. และนายณรงค์ คงคำ รองปลัด พม.และข้าราชการอีก 9 คน
"ส่วนอีก 15 คนพบไม่มีความผิดจะกันไว้เป็นพยาน โดยจากนี้จะเริ่มทยอยแจ้งข้อกล่าวหาสำหรับคนที่ผิดวินัยร้ายแรงและเปิดโอกาสให้นำหลักฐานที่แสดงความบริสุทธิมาแย้ง ภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้ง ซึ่งโทษทางวินัยร้ายแรง มีทั้งปลดออกและไล่ออกจากราชการ" พล.อ.อนันตพร กล่าว
สำหรับการตรวจสอบการทุจริตเงินสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งในพื้นที่อื่นๆ คณะกรรมการสอบสวนฯ ทยอยดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ส่วนประเด็นที่ล่าช้า เนื่องจากหลักฐานที่มี ได้ส่งมอบไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ทั้งหมด จึงต้องลงพื้นที่เก็บและรวบรวมหลักฐานใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลา ดังนั้น จึงจะประสาน ป.ป.ท.ขอหลักฐานมาสำเนาเก็บไว้ เพื่อให้การดำเนินการตรวจสอบเป็นไปอย่างรวดเร็ว
เปิดประวัติ"พุฒิพัฒน์"นั่งกรมโกงคนจน
สำหรับ นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) จบปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ประวัติการรับราชการ ปี 2542 ดำรงตำแหน่ง ผอ.ศูนย์ฝึกอาชีพเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ 36 พรรษาจังหวัดชลบุรี, ปี 2543 ที่ปรึกษาฝ่ายแรงงาน สำนักงานแรงงานในประเทศกรีซ, ปี 2545 อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงาน สำนักงานแรงงานในประเทศญี่ปุ่น, ปี 2547 ผู้ปกครองสถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งชายธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี, ปี 2548 ผู้ปกครองสถานแรกรับเด็กชายปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี, ปี 2549 ผอ.ศูนย์พัฒนาสังคมหน่วยที่ 9 จังหวัดชัยนาทและปฏิบัติหน้าที่ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองทุ่งโพธิ์ทะเล จังหวัดกำแพงเพชรอีกตำแหน่งหนึ่ง
ปี 2550 ผอ.ศูนย์พัฒนาสังคมหน่วยที่ 62 จังหวัดสระบุรีและปฏิบัติหน้าที่ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี อีกตำแหน่งหนึ่ง, ปี 2551 ผอ.สำนักบริหารกลาง กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ, ปี 2552 ผอ.สำนักบริหารงานกลาง สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ, ปี 2553 รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ, ปี 2556 ผู้ตรวจราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, ปี 2557 ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และปี 2560 ดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ถูกเด้งพร้อมรองปลัดพม.พบกลิ่นทุจริต
ต่อมาเมื่อ 23 ก.พ.61 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ให้นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และนายณรงค์ คงคำ รองปลัด พม.ให้มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกฯ โดยระบุว่า "ด้วยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับแจ้งข้อมูลจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินกรณีตรวจพบความผิดปกติในการเบิกจ่ายงบประมาณเงินอุดหนุนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงมาแล้วคณะหนึ่ง ผลการสืบตรวจพบความผิดปกติจริงแต่ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
โดยที่ความผิดปกติดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติราชการของข้าราชการระดับสูงของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และอาจเกี่ยวพันกับข้าราชการในวงกว้าง ซึ่งจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงต่อไป ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวมีความถูกต้องและเป็นธรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 นายกรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งให้นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ปลัด พม.และนายณรงค์ คงคำ รองปลัด พม.มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรีโดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิม และให้ได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง เงินเพิ่มพิเศษและสิทธิประโยชน์อื่นใดไม่ต่ำกว่าที่ได้รับอยู่เดิม โดยเบิกจ่ายจากสังกัดเดิม ในระหว่างปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ข้าราชการทั้งสองรายปฏิบัติหน้าที่เป็นที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ในการปฏิบัติหน้าที่ให้อยู่ในความควบคุมและกำกับดูแลของรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายให้กำกับการปฏิบัติราชการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์"
พบเคยนั่งอธิบดีกรมพัวพันโกงเงินคนจน
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 26 ก.พ.61 ข้อมูลในเว็บไซค์กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปรากฎชัดเจนว่า นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ เคยดำรงตำแหน่งเป็นอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ซึ่งดูแลศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 2557 ก่อนได้รับตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2560
ส่วนการตรวจสอบพบการทุจริตในศูนย์คนไร้ที่พึ่งจากข้อมูลพบว่าสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเคยมีหนังสือด่วนลับมาก ส่งถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เมื่อ 30 มิ.ย.60 ว่า ให้ตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง หลังได้รับร้องเรียนความไม่ชอบมาพากลการเบิกจ่ายเงิน แม้จะพบว่ามีการทุจริตจริง แต่ไม่พบข้อมูลว่านายพุทธิพัฒน์ เกี่ยวข้องหรือไม่ จนกระทั่งมีคำสั่งย้ายนายพุทธิพัฒน์ ออกจากพื้นที่
แม้จะยังระบุไม่ได้ว่าการสั่งย้ายปลัด พม.คนดังกล่าว เชื่อมโยงกับการทุจริตเงินคนไร้ที่พึ่งหรือไม่ แต่จากคดีทุจริตศูนย์คนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้ขยายผลจนพบการทุจริตในศูนย์อื่นรวม 14 ศูนย์ที่น่าสนใจ คือ พฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ทุจริตมีลักษณะคล้ายกัน ในลักษณะนำรายชื่อประชาชนที่เคยทำกิจกรรมอื่นมาสวมสิทธิ์เบิกจ่ายเงินช่วยเหลือในโครงการนี้
ขณะที่บางส่วนพบว่าในระเบียบการช่วยเหลือระบุให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ใช้ดุลยพินิจเบิกจ่ายเงินได้ ว่าจะช่วยเหลือในอัตราเท่าไหร่ ส่งผลให้มีการทุจริตในรูปแบบการเบิกเงินเต็มจำนวน 3,000 บาท แต่มอบให้ประชาชนไม่ครบจำนวน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี