7 พ.ค. 2561 ภาคีเพื่อการศึกษาไทย (Thailand Education Partnership : TEP) เผยแพร่สรุปปาฐกถาของนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี จากงานเวทีภาคีเพื่อการศึกษาไทย (Thailand Education Partnership Forum 2018 : TEP Forum 2018) เมื่อ 5-6 พ.ค. 2561 ณ อาคารสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส (Thai PBS) ย่านทุ่งสองห้อง-วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ โดยนายอานันท์ กล่าวว่า ตนให้ความสำคัญกับการศึกษา ส่วนหนึ่งเกิดจากที่ครอบครัวบิดาเป็นครู เป็นผู้บริหารโรงเรียนและปลูกฝังการศึกษาแก่ลูกทุกคน อีกทั้งช่วงวัยเรียนได้เห็นความเอาใจใส่ของครูต่อเด็ก หรือกระทั่งประสบการณ์ที่ได้รับจากการเรียนที่ประเทศอังกฤษ ได้เห็นการบริหารงานที่ประสบความสำเร็จ ด้วยผู้นำซึ่งก็คือครูใหญ่ที่มีความผูกพันมายาวนานกับโรงเรียนไม่น้อยกว่า 15 ปี ขณะที่ประเทศไทยโรงเรียนรัฐผู้บริหารจะเปลี่ยนทุก 2 ปี ทำให้ขาดความต่อเนื่องโอกาสของการพัฒนาการศึกษามีน้อย อย่างไรก็ตามบทเรียนในหลายประเทศ สะท้อนให้เห็นว่าการสร้างการศึกษาที่มีคุณภาพไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ได้สำเร็จลงได้ด้วยระยะเวลาอันสั้น แต่ต้องมีความต่อเนื่อง และต้องอาศัยทุกภาคส่วนในประเทศร่วมคิดและให้ความร่วมมือในการพัฒนาการศึกษา
นายอานันท์ กล่าวต่อไปว่า การศึกษาไม่มีใครเป็นเจ้าของ หากคิดว่าเป็นเรื่องของรัฐตอนนี้ก็พิสูจน์แล้วว่า คิดผิดเพราะรัฐเองก็ไม่ใช่เจ้าของไม่มีหน้าที่ควบคุม สั่งการแต่มีหน้าที่ในการสนับสนุน เพราะการศึกษาเป็นเรื่องของทุกคน พ่อแม่ มีบทบาทสำคัญเป็นจุดแรกที่ต้องเอาใจใส่การศึกษาของลูก ภาคสังคม ชุมชน เอกชนก็เข้ามาร่วม เพราะฉะนั้น ถ้าจะพัฒนาคุณภาพการศึกษา ปฏิรูปการศึกษา ในเวลานี้คนไทยต้องปรับ Mindset หรือแนวคิดใหม่ โดยต้องรู้บทบาทหน้าที่ตนเอง หากไม่ปรับเปลี่ยนท้ายที่สุดต่อให้มีแผนงาน มีพิมพ์เขียวที่ดีอย่างไรก็ไปไม่รอด
"บทบาทของผู้เรียน ต้องกระตือรือร้นในการเรียนรู้ ค้นหาตนเอง พ่อแม่ ต้องสร้างโอกาสและสนับสนุนการเรียนรู้ตามศักยภาพของลูก โรงเรียนต้องเป็นที่สร้างแรงบันดาลใจและฝึกประสบการณ์ให้เด็ก ครู ต้องเป็นผู้ค้นหาและส่งเสริมศักยภาพเด็ก รัฐ อำนวยความสะดวก สนับสนุน และเปิดกว้างให้ทุกภาคส่วนเข้าร่วมและรับผิดชอบ และชุมชน สังคม เปลี่ยนไปเป็นพื้นที่สร้างโอกาสการเรียนรู้ และตระหนักในการสร้างการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่มีความปลอดภัย" นายอานันท์ กล่าว
อดีตนายกฯ อานันท์ ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้โลกเข้าสู่ศตวรรษใหม่ที่ทุกอย่างเชื่อมโยงแบบไร้พรมแดน และสิ่งที่กำลังขับเคลื่อนกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกคือการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่ 4 นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างน้อย 5 เรื่องใหญ่ๆทั้ง เศรษฐกิจ ธุรกิจ ประเทศ สังคม และปัจเจกบุคคล ขณะเดียวกันยังส่งผลต่อระบบการศึกษา ทำให้การเรียนรู้ของเด็กที่จะต้องเปลี่ยนไป มีทักษะที่ต้องเสริมสร้างนวัตกรรมการสอนและการเรียนรู้บน Platform ใหม่
เพราะฉะนั้น การเตรียมคนสำหรับโลกยุคใหม่ต้องร่วมกันออกแบบและสร้างเป้าหมายร่วมกัน โดยอย่างน้อยที่เด็กต้องมี 6 คุณลักษณะ ประกอบด้วย มีคุณธรรม จริยธรรม, รู้จักตนเอง, เป็นเจ้าของการเรียนรู้, ทำงานเป็นทีม,พลเมืองมีส่วนร่วม และเก่งทันเทคโนโลยี พร้อมกันนี้ต้องสร้างประสบการณ์เรียนรู้ของเด็ก ต้องเป็นการเรียนรู้แบบใหม่ที่ทำให้เด็กมีศักยภาพเผชิญกับโลกที่ท้าทายและเปลี่ยนแปลง อย่างน้อย 4 ด้าน คือ
1.ให้เด็กรู้จักตนเอง ฝึกเข้ากับสังคม และพัฒนาตนเองต่อเนื่อง 2.ให้พร้อมสำหรับการเรียนรู้ใหม่ๆ ที่ท้าทายและเผชิญโลกตามความจริง 3.ฝึกให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติ ได้คิดและทำให้เป็น และฝึกให้มีพฤติกรรมที่เหมาะกับโลกยุคใหม่ เช่น การมีวินัย การจัดการตนเอง หรือการทำงานร่วมกับผู้อื่น และ 4.กระบวนการเรียนต้องฝึกทักษะและกระตุ้นให้เด็กสงสัย ตั้งคำถาม และค้นหาคำตอบอย่างเป็นระบบด้วยตนเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี