ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.แม่ฮ่องสอน ว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา นายณัฐภานุ นพคุณ ผู้อำนวยการกองการสังคม กรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ พร้อมคณะ และตัวแทนจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย( UNHCR) , พล.ต.มนัส แถบทอง ผู้อำนวยการสำนักกิจการชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน , นาย จารึก เหล่าประเสริฐ ปลัดจังหวัดแม่ฮ่องสอน , พ.อ.ณรงค์ฤทธิ ปาณิกบุตร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 17 และว่าที่ร้อยตรี ณรงค์ชัย จินดาพันธ์ นายอำเภอขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน นำผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบชาวกะเหรี่ยงคะยา สัญชาติเมียนมา กลุ่มที่ 2 จำนวน 5 ครอบครัว 19 คน ส่งกลับประเทศเมียนมาด้วยความสมัครใจ ที่บริเวณจุดผ่อนปรนชายแดนไทย-เมียนมา ช่องทางบ้านห้วยต้นนุ่น ต.แม่เงา อ.ขุนยวม
โดยมี พ.อ.มิ้นเหว่ย รัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและกิจการชายแดนรัฐคะยา สหภาพเมียนมา พร้อมคณะ เป็นผู้แทนรัฐบาลเมียนมา เดินทางมารับผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบดังกล่าวกลับประเทศตนเองด้วยความปลอดภัย โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยรอยยิ้ม และเป็นกันเองของทั้ง 2 ฝ่าย
สำหรับผู้หลับหนีภัยจากการสู้รบดังกล่าวได้หลบหนีภัยสงคราม จากการสู้รบระหว่างรัฐบาลทหารเมียนมากับชนกลุ่มน้อยในรัฐคะยา เข้ามาอยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวบ้านใหม่ในสอย ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ตั้งแต่ปี 2534 ถึงปัจจุบันเป็นเวลา 27 ปีเต็ม ปัจจุบันสถานการณ์การสู้รบในประเทศเมียนมาได้สงบลง ฝ่ายรัฐบาลเมียนมาและชนกลุ่มน้อยจากรัฐต่างๆหลายกลุ่ม ได้จับมือวางอาวุธยุติการสู้รบที่ยืดเยื้อมานานหลายปี ทำให้สถานการณ์ภายในประเทศเมียนมาสงบลง ผู้อพยพ หรือผู้หลบหนีภัยสงครามที่อยู่ภายในศูนย์พักพิงในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนหลายครอบครัวได้สมัครใจที่จะกลับมาตุภูมิตนเอง
ทั้งนี้ ชุดนี้เป็นชุดที่ 2 ที่ได้มีการส่งกลับประเทศ โดยทั้ง 5 ครอบครัว 19 คน จะกระจายไปอยู่ภูมิลำเนาตนเองในพื้นที่ อ.แม่แจ๊ะ , ดีมอร์โซว์ และลอยก่อว์ ซึ่งที่ผ่านมาผู้อพยพหลบหนีภัยสงครามจากการสู้รบภายในศูนย์พักพิงบ้านใหม่ในสอยมีมากกว่า 2 หมื่นคน และได้ขอไปอยู่ประเทศที่ 3 แล้ว จำนวนหนึ่ง และขอกลับประเทศตนเองอีกจำนวนหนึ่ง ปัจจุบันยังคงเหลือผู้อพยพภายในศูนย์พักพิงบ้านใหม่ในสอยเพียง 8,000 คน
แหล่งข่าวชาวกะเหรี่ยงคะยา ในศูนย์อพยพบ้านใหม่ในสอย ระบุว่า เดิมทีได้มีผู้อพยพพร้อมที่จะเดินทางกลับไปประเทศเมียนมา จำนวน 29 ราย และได้แจ้งยอดต่อเจ้าหน้าที่ในศูนย์อพยพฯไปแล้ว แต่มาภายหลังได้เกิดเปลี่ยนใจ สาเหตุหนึ่งมาจาก ความไม่มั่นใจในสถานการณ์ในเมียนมา หลังพบว่ามีการเสริมกำลังทหาร จากกองพลทหารราบเบาที่ 55(พล.ร.เบา 55) เข้ามาในพื้นที่รัฐคะยาอีกครั้งเมื่อกลางเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กองพลฯดังกล่าว ถือเป็นกองพลคอมมานโด ที่เคยถูกส่งเข้ามากวาดล้างชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงคะยาติดอาวุธ( Karenni National Progressive Army ; KNPA) ในห้วงปี 2548 ซึ่งมีการสู้รบกันอย่างหนักบริเวณฐานที่มั่นยามู ฐานที่มั่นของทหารกะเหรี่ยงคะยาที่ตั้งติดชายแดนไทย ด้านบ้านแม่ส่วยอู ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน และห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนไปทางทิศตะวันตกราว 12 ไมล์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี