วันนี้ (9 พ.ค.) ที่ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริง การก่อสร้างโครงการสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา หรืออควาเรียม ที่วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ อ.เมือง จ.สงขลา ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาการทุจิต กระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 2/2561 โดยมีผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการตรวจสอบฯที่มีปลัด ศธ.เป็นประธาน ได้แจ้งการสรุปผลเบื้องต้น และรายงานให้ตนและที่ประชุมรับทราบว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานตั้งแต่ปี 2549 มูลค่าโครงการ 800 กว่าล้านบาท ซึ่งหลังเซ็นสัญญาภายใน 2 เดือนก็มีการแก้สัญญาครั้งแรกทันที โดยภายใน 10 ปีมีการแก้สัญญารวม 6 ครั้ง โดยกรรมการตรวจสอบชุดของปลัด ศธ.และคณะทำงานของ พล.ท.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษา รมว.ศธ.เห็นว่ามีเหตุผลไม่เพียงพอในการแก้สัญญา โดยผู้ทรงคุณวุฒิในที่ประชุมหลายฝ่ายมีความเข้าใจว่าเป็นการแก้สัญญาจนผิดสังเกตุมาก
โดยเฉพาะ 2 ครั้งของปี 2556 และ 2557 มีแก้ไขมากถึง 100 รายการ และที่สำคัญมีการเบิกจ่ายเงินล่วงหน้า 125 ล้านบาท ขณะที่ปี 2556 อควาเรียม ควรจะสร้างเสร็จ แต่มีการตรวจรับที่ไม่เป็นไปตามความเป็นจริง เนื่องจากการก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ แต่มีการตรวจรับ นอกจากนี้ยังมีการอนุมัติเงินเหลือจ่ายลงไปทุกปี ปีละ 500 กว่าล้านบาท แต่ส่วนใหญ่นำไปใช้ในการปรับทัศนียภาพภายนอก ทั้งที่การก่อสร้างภายในยังไม่เสร็จ
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อว่า การตรวจสอบเรื่องนี้ยืนยันว่า ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งใคร และไม่ได้ทำโดยรวบรัด เรื่องเกิดขึ้นเป็น 10 ปีแล้วก็ว่าไปตามหลักฐานเอกสาร ไม่ต้องห่วงว่าจะไปปรักปรำกัน ว่ากันไปตามเนื้อผ้าใครผิดก็ว่าไปตามผิด หากย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ทางสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่เป็นหน่วยงานที่เริ่มตรวจสอบเรื่องนี้ เนื่องจากมีข้าราชการระดับสูงเกี่ยวข้อง จากนั้น ป.ป.ช.ก็รับลูกไปดูเรื่องคดีอาญา เช่น มีการรับเงินแล้วมาแก้สัญญาหรือไม่ ตอนนี้รอเพียงผลสรุปอย่างเป็นทางการเท่านั้น หลังจากได้ข้อสรุปทั้งหมดแล้วที่มีมูลจะดำเนินการทางวินัย เช่น ดำเนินการให้มีการแก้สัญญาถือว่าทำผิดระเบียบและทำให้ราชการเสียหาย
"ผมจะใช้มาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบราชการ ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าไปพิจารณา เช่น หากอยู่ในตำแหน่งแล้วมีอิทธิพลต่อการสอบสวนก็ให้ออกจากตำแหน่งเดิมก่อน จากนั้นเร่งสอบสวนวินัยให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน ถ้ามีมูลก็ให้ออกจากราชการไว้ก่อน เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ได้กล่าวหาว่าทุจริต แต่อยู่ในขั้นตรวจสอบและจะต้องดำเนินการสอบสวนวินัย ส่วนจะมีกี่รายนั้นคณะกรรมการตรวจสอบฯไม่ได้บอก และผมเองก็ไม่อยากบอกชื่อว่าเป็นใคร ถ้าบอกไปจะทำให้สังคมตัดสินว่า เขาทำผิดไปแล้ว ทั้งที่ยังสอบสวนไม่เสร็จ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มีทั้งข้าราชการที่เกษียณอายุราชการไปแล้วและยังอยู่ในราชการซึ่งเกี่ยวข้องหลายราย หลายยุค คาดว่าจะสรุปได้อย่างเป็นทางการภายในเดือนนี้"
ขณะที่ พล.ท.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษา รมว.ศธ.กล่าวว่า กรณีอควาเรียม ยังไม่ได้สรุปว่ามีการทุจริต เพราะการสอบสวนยังไม่จบ แต่เรื่องผิดวินัย ผิดระเบียบมีแน่นอน ยังต้องตรวจสอบทั้งเรื่องการจ่ายเงินล่วงหน้า สัญญาที่แก้หลายครั้ง ว่าเอื้อประโยชน์ให้ใครหรือไม่ ประเด็นสำคัญที่ผิดปกติ คือ พอเซ็นสัญญา 2 เดือนก็มีการแก้แบบ เพราะปกติการประกาศจัดซื้อจัดจ้างใช้งบฯถึง 800 ล้านบาท ต้องมีการดูแบบอย่างดีแล้ว เมื่อประมูลได้แล้วก็ต้องลงมือทำได้จริง แต่กลับมาขอแก้แบบภายใน 2 เดือน ซึ่งผิดปกติ โดยให้เหตุผลว่าโครงสร้างสถาปัตยกรรม มีความซับซ้อนและทับซ้อน ซึ่งเราไม่เชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น แถมมีการเบิกเงินล่วงหน้าอีก 125 ล้านบาท
"ส่วนกรณีที่นำเงินไปใช้ในการปรับทัศนียภาพภายนอกนั้น ส่อให้เป็นถึงการนำเงินไปใช้ไม่ตรงกับเนื้องาน แทนที่จะนำเงินไปสร้างอาคารให้แล้วเสร็จก่อน" พล.ท.โกศล กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี