ปลายสัปดาห์ที่แล้ว พรรคพวกเพื่อนฝูงในกระทรวงเกษตรฯ เล่าให้ฟังว่า ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรฯ ส่งข้อความทางไลน์ไปยังหน่วยงานต่างๆ ในสังกัด บอกว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กฤษฎา บุญราช ขอพบข้าราชการกระทรวงเกษตรฯระดับชำนาญการขึ้นไป ที่ศึกษาจบวิชาการเกษตร หรือสาขาที่เกี่ยวข้องจากสหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย จีน ไต้หวัน เพื่อหารือข้อราชการสำคัญ โดยขอให้มาพบในเช้าวันรุ่งขึ้น
เนื่องจากเป็นการสื่อสารให้รับทราบกันทางไลน์ และคงจะแชร์ส่งต่อๆ กันมาหลายทางการสั่งการจากหัวหน้าหน่วยงานจึงมีบ้างไม่มีบ้าง แต่ก็มีนักเรียนนอกจากหลายหน่วยงานไม่ต่ำกว่า 20 คนเข้าไปพบกับรัฐมนตรี แต่ไม่ยืนยันว่ามาจากทุกหน่วยงานหรือไม่
สิ่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ต้องการความช่วยเหลือจากนักเรียนนอกเหล่านี้คือ ให้ช่วยหาข้อมูลที่ต้องการทราบ ได้แก่ พืชหลักที่สำคัญของแต่ละประเทศ โครงสร้างการผลิตของเกษตรกรในประเทศนั้นๆ บทบาทของรัฐในการช่วยเหลือเกษตรกรทั้งด้านการผลิต และการตลาด วิธีการตลาดของเกษตรกรในประเทศนั้นๆ
นักเรียนนอกทั้งหลายคงผิดหวัง ที่ภารกิจที่ได้รับมอบหมายไม่น่าจะใช่บทบาทของนักเรียนนอก แต่น่าจะเป็นบทบาทของทูตเกษตรที่ไปประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ที่สามารถจะวิเคราะห์เจาะลึกในประเด็นต่าง ๆ ที่ รมว.กษ. ต้องการได้ หากประเทศใดไม่มีทูตเกษตรประจำอยู่ ก็จะมีทูตพาณิชย์ หรือ กงสุลประจำอยู่ น่าจะขอความร่วมมือกันในระดับกระทรวงได้ ข้อมูลที่ได้ก็จะน่าเชื่อถือและเป็นปัจจุบัน ลำพังให้นักเรียนนอกไปหาข้อมูลมาให้ เชื่อว่าคงจะพึ่งพาอากู๋ เป็นส่วนใหญ่.....
ทูตเกษตร หรือ อัคราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายการเกษตร และกงสุลฝ่ายการเกษตรที่กระทรวงเกษตรฯ แต่งตั้งไปประจำ ณ ประเทศต่างๆ 8 ประเทศ รวม 11 แห่ง ได้แก่ อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายการเกษตรประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ประจำกรุงโรม อิตาลี ประจำกรุงบรัสเซลส์ สหภาพยุโรป ประจำกรุงโตเกียว ญี่ปุ่น ประจำกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำกรุงแคนเบอร์รา ออสเตรเลีย และประจำกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย กงสุลฝ่ายเกษตร 3 แห่ง คือ นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา นครกวางโจว และ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน และฝ่ายการเกษตรประจำสถานเอกอัครราชทูต ประจำกรุงมอสโก รัสเซีย
เมื่อเดือนมีนาคม 2560 พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในขณะนั้น ได้เรียกประชุม และมอบนโยบายการขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็น ไทยแลนด์ 4.0 โดยเน้นให้ทูตเกษตรดำเนินการคือ 1) เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตรและอาหารของไทย โดยเฉพาะการเน้นถึงการยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตรไทย 2) วิเคราะห์ และสังเคราะห์ ประเด็นปัญหา อุปสรรค แนวโน้มความต้องการสินค้าเกษตรในแต่ละประเทศแจ้งกลับมายังกระทรวงเกษตรฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบ เพื่อกำหนดแผนในการเจาจาหรือปรับกลยุทธ์ให้สินค้าเกษตรไทยเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น 3) ประชาสัมพันธ์ แนะนำสินค้าเกษตรใหม่ๆ ให้ผู้บริโภคต่างประเทศรู้จัก โดยเฉพาะผลไม้ที่ประเทศเหล่านั้นไม่มี
ภารกิจที่มอบกันไว้เมื่อปีที่แล้ว ทูตเกษตรได้ดำเนินการไปมากน้อยเพียงไรไม่มีข่าวคราวเปรี้ยงป้างให้ได้ยิน มาปีนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ คนปัจจุบัน กฤษฎา บุญราช ได้ประชุมทูตเกษตรผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์พร้อมมอบนโยบายสำทับไปอีกว่า ให้ติดตามสถานการณ์สินค้าเกษตร โดยเฉพาะยางพารา ในประเทศที่มีการซื้อขายยางล่วงหน้า เช่น ญี่ปุ่น และจีน ให้ทูตเกษตรไปเดินดูตลาดและทำรายงานส่งมาให้ รมว.กษ. โดยตรง
ท่านยังบอกอีกว่า ทูตเกษตรต้องทำหน้าที่เป็นเสมือนโฆษกกระทรวงเกษตรฯในต่างประเทศ วิเคราะห์สถานการณ์สินค้าเกษตรไทยในตลาดประเทศนั้นๆ ทำรายงานส่งมาที่กระทรวงทุกเดือนไหนๆ ก็ไหนๆ ท่านก็แถมสิ่งที่ท่านอยากทราบตามที่มอบนักเรียนนอกไปช่วยกันหามา ให้ทูตเกษตรรายงานมาด้วยก็คงไม่ได้สร้างภาระให้เขามากมายนัก เผลอๆ เขาอาจจะมีอยู่แล้วก็ได้ เว้นเสียแต่ว่าท่านมีแผนที่จะใช้มันสมองของนักเรียนนอกเหล่านี้ช่วยทำงานขับเคลื่อนนโยบายไทยนิยมยั่งยืน หรือ ไทยแลนด์ 4.0 หรือตลาดนำการผลิต อย่างต่อเนื่องต่อไป นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง....แต่ที่จริงอยากให้ทูตเกษตรของไทย มีบทบาทและภารกิจที่มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน อยากให้เป็น smart officer ของกระทรวงเกษตรฯไทยในต่างประเทศจริงๆ......
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี