11 พ.ค.61 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) มีการเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(อดีต ผบ.ตร.) กรณีพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ พล.ต.อ.สมยศ แจ้งว่ามีทรัพย์สินทั้งหมด 358,683,700 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 3,313,473 บาท จึงมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 355,370,227 บาท โดยแยกเป็นทรัพย์สินของ พล.ต.อ.สมยศ จำนวน 262,802,209 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 6,223,731 บาท เงินลงทุน 74,285,877 บาท เงินให้กู้ยืม 109,000,000 บาท ที่ดิน 40,792,600 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 2,000,000 บาท ยานพาหนะ 500,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 30,000,000 บาท
ส่วนทรัพย์สินของคู่สมรส จำนวน 95,881,491 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 8,415,241 บาท เงินลงทุน 8,822,300 บาท ที่ดิน 45,300,300 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 23,343,950 บาท ทรัพย์สินอื่น 10,000,000 บาท
เมื่อเทียบกับกรณีเข้ารับตำแหน่ง สนช. เมื่อวันที่ 8 ส.ค.2557 ที่แจ้งว่า พล.ต.อ.สมยศ และคู่สมรส มีทรัพย์สินทั้งหมด 374,679,849 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 18,822,122 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 355,857,726 บาท เท่ากับว่าพล.ต.อ.สมยศ และคู่สมรส มีทรัพย์สินลดลง 15,996,149 บาท หนี้สินลดลง 15,508,649
อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบในรายละเอียดพบว่าในส่วนของทรัพย์สิน พล.ต.อ.สมยศ มีเงินฝากลดลง 5,320,920 บาท ขณะที่คู่สมรสเงินฝากลดลง 19,375,288 บาท ส่วนเงินลงทุนของ พล.ต.อ.สมยศ เพิ่มขึ้น 21,167,977 บาท ขณะที่คู่สมรสมีเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 7,542,084 บาท ที่ดินของ พล.ต.อ.สมยศ มีมูลค่าเท่าเดิม ขณะที่คู่สมรสมีมูลค่าลดลงกว่า 20,510,000 บาท ส่วนเงินให้กู้ยืม โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งทรัพย์สินอื่นของ พล.ต.อ.สมยศ และคู่สมรสยังคงมีมูลค่าเท่าเดิม
สำหรับทรัพย์สินอื่นที่ พล.ต.อ.สมยศ และคู่สมรส ได้ยื่นเอกสารประกอบไว้ในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินนั้น อาทิ นาฬิกาโรเล็กซ์ นาฬิกาปาเต็กฟิลลิป นาฬิกาแพนนาไฮน์ ปืนลูกซอง ปืนสั้น ปืนออโตเมติก พระเครื่อง เครื่องประดับต่างๆ เช่น สร้อยเพชร สร้อยไข่มุก แหวนเพชร เข็มกลัดเพชร-มุก ต่างหู นาฬิกาแฟรค์งมูลเลอร์ นาฬิกาคาร์เทีย
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สมยศ ไม่ได้มีการแจ้งเรื่องกู้ยืมเงินหรือการคืนเงินนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์-อาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเครท มูลค่า 300 ล้านบาท ตามที่เป็นข่าว ไว้ในบัญชีทรัพย์สินในส่วนของหนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือหนี้สินอื่นแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า โดยหลักการ ป.ป.ช. ต้องตรวจสอบดูว่า มีการแจ้งไว้ในบัญชีทรัพย์สินดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งถือเป็นการตรวจสอบตามขั้นตอนปกติ แต่หาก พล.ต.อ.สมยศ มีการชำระหนี้ไปแล้ว หนี้สินดังกล่าวก็จะไม่ปรากฏในบัญชี แต่ทาง ป.ป.ช. ก็จะต้องไปตรวจสอบในรายละเอียดด้วยว่าการที่มูลหนี้ดังกล่าวลดลง เป็นการนำเงินจากไหนมาชำระ หากพบว่าตัวเลขในบัญชีทรัพย์สินไม่สัมพันธ์กันก็ต้องตามตรวจสอบต่อไป
ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ ได้ออกมายอมรับว่า เคยยืมเงิน 300 ล้านบาท จาก นายกําพล โดยยอมรับว่าส่วนตัวรู้จัก นายกำพล มานานกว่า 20 ปี จากการแนะนำผ่านเพื่อน โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนในแวดวงพระเครื่อง
พล.ต.อ.สมยศ ยังระบุว่า การโอนเงินให้การช่วยเหลือครั้งนั้น มีการโอนเงินเข้าระบบธุรกรรมทางธนาคารอย่างชัดเจน ทำให้มีเส้นทางการเงินปรากฏว่านายกำพลโอนเงินมาที่ตน แต่ในปีเดียวกันนายกำพลก็มาขอเงินคืน ตนก็ได้คืนเงินให้ครบถ้วนเรียบร้อยผ่านระบบการทำธุรกรรมทางธนาคารอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ที่สำคัญเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวกับการกู้ยืมเงินหรือการโอนเข้าระบบของธนาคาร ได้รายงานส่งให้ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.เรียบร้อยตั้งแต่ปี 58 เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นธุรกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างตนกับนายกำพลมีจริง แต่ผ่านระบบต่างๆ มีสัญญาถูกต้องตามกฎหมายมีการโอนเงินชดใช้หนี้สินเรียบร้อย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
+ หัวหรือก้อย! ลุ้นปปช.เปิดกรุสมบัติ 'สมยศ'คุ้ยปมหนี้300ล.เสี่ยกาม'วิคตอเรีย'
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี