ตำรวจสกัดยึดยาบ้าลอตใหญ่ 5 ล้านเม็ด เฮโรอีน 199 แท่ง เส้นทาง“เชียงราย-เชียงใหม่” คนร้ายยิงต่อสู้ ถูกวิสามัญ 2 ศพ ส่วนตร.นครพนมบุกยึดยาไอซ์สารตั้งต้นยาบ้าซุกป่าช้าเก่ารอยต่อบึงโขงหลง คาดเครือข่ายยาเสพติด มูลค่า75 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพล.ต.ต.วุฒิพงศ์ เพ็ชรกำเหนิด ผบก.ปส.3 บช.ปส. พ.ต.อ.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผกก.กก.2 บก.ปส.3 บช.ปส.พ.ต.ท.จิรพงษ์ คำมี สว.กก.2 บก.ปส.3สืบทราบจะมีการลักลอบขนยาเสพติดจำนวนมากจากชายแดนไทยด้านพื้นที่ จ.เชียงราย เข้าสู่ชั้นในของประเทศโดยใช้เส้นทาง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย-เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จึงได้นำกำลังตำรวจไปดักซุ่มสกัดอยู่บนถนนทางหลวงชนบท หมายเลข 1150 พื้นที่ ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย จะไปทาง อ.เชียงดาว
เวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจ พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ติดป้ายทะเบียนเป็นหมายเลขทะเบียน บน 128พะเยา ขับผ่านมาจากทาง อ.เวียงป่าเป้าเพื่อไป อ.เชียงดาว ตรงกับที่ได้รับแจ้งจึงให้สัญญาณหยุดตรวจ ปรากฏรถคันดังกล่าว ไม่ยอมหยุดและยังใช้อาวุธปืนยิงใส่ เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเปิดทางหนีเกิดการยิงต่อสู้กันขึ้น เจ้าหน้าที่ได้นำรถยนต์ไล่ติดตามจนถึงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 58-59 จึงสกัดรถเอาไว้ได้แต่คนในรถยังไม่ยอม ยังยิงต่อสู้ตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ได้ยิงตอบโต้จนคนภายในรถเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
จากการตรวจสอบรถของคนร้ายจอดหลังถูกยิงพบที่กระบะหลังรถ มีกระสอบฟางสีรุ้งวางซ้อนกันอยู่หลายใบโดยมีผ้าใบและวัสดุอื่นๆวางปกปิดเอาไว้ด้านบนเมื่อเปิดดูในกระสอบ พบว่าบรรจุยาเสพติดประเภทยาบ้า จำนวน5ล้านเม็ด เฮโรอีนจำนวน 199 แท่ง เมื่อตรวจในรถพบศพชายจำนวน 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุและพบปืนพักสั้น2 กระบอก ส่วนผู้เสียชีวิตทั้ง2คนพบว่าทั้งคู่เป็นชาว จ.ลำปาง แต่จากการตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชนที่อยู่กับผู้ตายและรายชื่อเจ้าหน้าที่สืบสวนพบว่าไม่ตรงกันและจะได้ตรวจสอบต่อไป ล่าสุดได้นำของกลางทั้งหมด ส่งกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.)แล้ว
เช้าวันเดียวกัน เวลา09.30น.ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด(บก.ภ.จว.)นครพนม พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผบก.ภ.จว.นครพนม และคณะ ร่วมแถลงการตรวจยึดยาไอซ์น้ำหนัก 25 แท่ง/กก. ในป่าช้าเก่าพื้นที่บ้านโพธิ์ไทร หมู่ 2 ต.ไผ่ล้อม อ.บ้านแพง เป็นรอยต่อกับบ้านดงโทน ต.ดงบัง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ
จากกรณีเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนการลักลอบขนลำเลียงยาเสพติดข้ามชาติอย่างสม่ำเสมอ ทราบจากชาวบ้านแถวนั้นว่าเวลายามวิกาลมีรถยนต์ลักษณะต้องสงสัยขับเข้าไปในป่าช้าเก่าที่ถูกปล่อยรกร้างอยู่ทางด้านทิศเหนือของหมู่บ้านไม่นานก็จะวิ่งออกมาจากนั้นมีรถยนต์อีกคันวิ่งเข้าไปแล้วขับออกมาอย่างรวดเร็วแต่ชาวบ้านไม่กล้าเข้าไปดู เพราะกลัวจะถูกทำร้าย
หลังทราบได้บูรณการร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เข้าไปในป่าช้าเก่า พบมีร่องรอยการขนถ่ายสิ่งของจริง ตามคำบอกเล่าของชาวบ้าน คาดว่าอาจจะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย จากประวัติในเวลาดึกๆมักจะมีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดข้ามชาติ ลักลอบลำเลียง สิ่งผิดกฎหมายบ่อยครั้ง เพราะมีพื้นที่ติดลำแม่น้ำโขงตลอดแนวจึงร่วมกันออกลาดตระเวนทั้งในแนวแม่น้ำโขงและหมู่บ้านชายแดน กระทั่ง เวลา04.00น.มีรถยนต์วิ่งเข้าไปในป่าช้าเก่าแล้วขับออกมามุ่งหน้าไปทาง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬจึงส่งสัญญาณเข้าซุ่มโปงใกล้บริเวณดังกล่าวเพื่อจะดูว่าจะมีรถยนต์ขับเข้ามาอีกหรือไม่จนฟ้าใกล้สางจึงเข้าเคลียร์พื้นที่พบวัตถุต้องสงสัยเป็นก้อนสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่หุ้มด้วยกระดาษสีทองวางอยู่ในต้นไม้ใหญ่ หลังนำออกจากพื้นที่ตรวจสอบอย่างละเอียด พบ เป็นยาไอซ์ จำนวน25ก้อน มีน้ำหนัก 25 กิโลกรัม จึงนำส่ง สภ.บ้านแพง
พล.ต.ต.สุวิชาญฯกล่าวว่ายาไอซ์ล๊อตนี้จากผลพิสูจน์น้ำยาตรวจสารตั้งต้นของพ.ต.อ.(หญิง) อมรรัตน์ บัวศรี รักษาการ ผกก.พิสูจน์หลักฐานพบว่ามีความเข้มข้นมากถึง99%ซึ่งยาไอซ์ 1กิโลกรัม จะสามารถนำไปผลิต เป็นยาบ้าได้ถึง 1ล้านเม็ด ส่วนราคาซื้อขาย ตามตะเข็บชายแดน กิโลกรัมละ800,000-1,000,000บาท หากเล็ดลอดเข้าชั้นในประเทศ ราคาจะพุ่ง เป็นกิโลกรัมละ3,000,000บาท หรือลงเข้าไปในพื้นที่ลึกกว่าก็จะแพงเป็นสองเท่า ประเมินราคาเฉพาะพื้นที่ชั้นในยาไอซ์ 25กิโลกรัม มีมูลค่าถึง75ล้านบาท จะต้องสืบสวนติดตามขยายผลจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี