"ศรีวราห์"เร่งขยายผลคดีทุจริตเงินทอนวัด หลังพบพระชั้นผู้ใหญ่โอนเงินให้แม่บ้านทหารยศ"ร.ท."ในซอยมิสทีน25ล้าน พร้อมตรวจยึดอาวุธปืนเกือบ30กระบอก กระสุนกว่า1พันนัด เตรียมเอาผิดฐานเป็นผู้มีอิทธิพล เพราะอาจเกี่ยวพันกับคดีความมั่นคง "อิศรา"กระชากหน้ากาก"ร.ท."เจ้าของบ้านสนิทพระผู้ใหญ่"วัดสระเกศ" ส่วนแม่บ้านมีหุ้นอยู่ใน"หจก."แห่งหนึ่ง "ไพบูลย์"แฉพฤติกรรมกลโกงโอน25ล้านฟอกเงินเข้ากระเป๋า ส่วน"'พระชั้นผู้ใหญ่"เผ่นนอกแล้ว
วันนี้ (17 พ.ค.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (รอง ผบช.ภ.1) , พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รอง ผบก.ป.) , พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป.พร้อมคณะ ร่วมกับ พล.ต.คณิศร สุนทรธีมากร ผู้ช่วยผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) , พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย คสช.แถลงข่าว กรณีที่ พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป.และ พ.ต.อ.ธงชัย นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลจังหวัดมีนบุรี เข้าตรวจบ้านหลังหนึ่งภายในหมู่บ้านสีวลีรามคำแหง ถนนราษฎร์พัฒนา (ซอยมิสทีน) แขวงและเขตสะพานสูง กทม.ภายหลังสืบทราบว่า บุคคลที่พักอาศัยอยู่ในบ้านดังกล่าว มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตเงินงบประมาณเผยแผ่พระพุทธศาสนา หรือคดีเงินทอนวัด โดยพบว่ามีการโอนเงิน 25 ล้านบาท มายังบัญชีธนาคารของ น.ส.นุชรา สิทธินอก อายุ 32 ปี
พบอาวุธปืน-กระสุนอื้อซุกบ้าน"ร.ท."
จากการตรวจค้นบ้านพักหลังนี้พบว่า มีทหารยศ "ร.ท." ทหารสังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นเจ้าของบ้าน รวมทั้ง น.ส.นุชรา ตรวจสอบพบตู้เซฟ 3 ใบ อาวุธปืนยาว 4 กระบอก ได้แก่ ปืนลูกซอง 3 กระบอก และปืนลูกกด 1 กระบอก , ปืนสั้น 18 กระบอก ขนาด 9 และ 11 มม.พร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาดต่างๆ รวม 1,005 นัด รวมทั้งทองรูปพรรณ แหวนเพชร และทรัพย์สินมีค่าต่างๆ หลายรายการ , เอกสารเกี่ยวกับธุรกรรมการเงิน และเอกสารที่เกี่ยวข้องจำนวนหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดอาวุธปืนและของกลางทั้งหมด ไว้ตรวจสอบที่มาที่ไปก่อนสืบสวนขยายผลทางคดี
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า จากการประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด หรืออีโอดี ตรวจสอบในเบื้องต้น พบว่าอาวุธปืนทั้งหมดมีทะเบียนถูกต้อง แต่อยู่ระหว่างตรวจสอบการครอบครองว่าถูกต้องหรือไม่ ส่วนกล้องเล็งไม่เข้าข่ายเป็นยุทธภัณฑ์ แต่สำหรับใบ ป.4 อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ยันเอาผิด"ร.ท."ฐานเป็นผู้มีอิทธิพล
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้ทางพนักงานสอบสวน บก.ป.ได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานกรณีการครอบครองอาวุธปืนทั้งหมดนั้นเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพล เพื่อพิจารณาขออำนาจศาลออกหมายจับต่อไป
"สำหรับความเกี่ยวพันกับคดีเงินทอดวัดนั้นก็ยังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน หากมีผู้ใดเกี่ยวข้องก็จะพิจารณาดำนินคดีทั้งหมด โดยรายละเอียดต่างๆ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะเกรงจะกระทบกับสำนวนคดี แต่ขณะนี้ทางฝ่ายความมั่นคงจะมุ่งเน้นการตรวจสอบในประเด็นการครอบครองอาวุธปืนที่มีอยู่เป็นจำนวนมากว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ถูกใช้งานในเหตุการณ์ใดหรือไม่ โดยยืนยันว่าจะต้องมีการพิจารณาแจ้งความดำเนินคดีอย่างแน่นอน"
จ่อส่งเรื่องให้ป.ป.ช.หากพบผิดม.157
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของทหารยศ "ร.ท." เนื่องจากเป็นข้าราชการ หากพบประเด็นใดที่เข้าข่ายความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ก็จะต้องส่งเรื่องให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการต่อไป ซึ่งหลักๆ แล้วที่ตนมาดำเนินการในวันเดียวกันนี้เป็นเพราะมีการพบอาวุธปืนจำนวนมากจึงต้องมีการตรวจสอบเพราะอาจเกี่ยวพันกับคดีความมั่นคง
พล.ต.คณิศร เปิดเผยว่า ในส่วนของกฎหมายก็คงเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะดำเนินการไป และยังต้องผลการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ส่วนทางวินัยยังไม่ได้มีการพิจารณา สำหรับกรณีการครอบครองอาวุธปืนที่มีจำนวนมากนั้นก็ไม่สามารถระบุหรือจำกัดได้ ว่าเจ้าหน้าที่ทหาร ต้องมีอาวุธอยู่ในครอบครองเท่าใด เพียงแต่ว่าหลังจากนี้เมื่อมีหลักฐานปรากฎเช่นนี้ก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนจะตรวจสอบที่มาที่ไป ว่าถูกต้องหรือไม่ เพราะไม่มีข้อกำหนดด้วยว่าต้องครอบครองปืนได้เท่าใด แต่ภารกิจของทหารสังกัด ศรภ.ก็ไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้อาวุธปืนมากขนาดนี้
พบชื่อ"สาวใช้"ถือหุ้นใน"หจก."แห่งหนึ่ง
ด้านสำนักข่าวอิศรา ได้รายงานว่า จากการตรวจสอบพบว่า น.ส.นุชรา สิทธินอก ซึ่งเป็นแม่บ้านในบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งอาจมีความเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตเงินทอนวัด มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นจำนวน 14.2857% ในห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) แห่งหนึ่ง จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2552 ทุน 3,500,000 บาท โดยแจ้งที่อยู่เป็นบ้านของนายทหารที่เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจค้น และมีการแจ้งประกอบธุรกิจผลิตรายการโทรทัศน์ ซึ่งมีการนำส่งงบการเงินแสดงผลประกอบการธุรกิจ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 แจ้งว่า มีรายได้รวม 5,616,692.16 บาท รายจ่ายรวม 6,756,401.96 บาท ขาดทุนสุทธิ 1,139,709.80 บาท
ขณะที่จากการตรวจสอบนายทหารยศ ร.ท.เจ้าของบ้าน พบว่า เคยมีตำแหน่งเป็นเลขานุการนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ในช่วงดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (ส.ต.ง.) และเพิ่งได้รับบรรจุเป็นข้าราชการเมื่อปี 2559 แจ้งวุฒิการศึกษาระดับปริญญาโท มหาวิทยาลัยเกริก สาขาการสื่อสารการท่องเที่ยวและบันเทิง เคยผ่านหลักสูตรรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ รุ่น 25 ของ ศรภ. กอง 8 ได้รับเงินเดือน 19,600 บาท ก่อนที่ในช่วงเดือนตุลาคม 2560 จะถูกขอตัวมาช่วยงานที่สำนักงาน เสธ.ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย
แฉ"ร.ท."สนิทพระผู้ใหญ่"วัดสระเกศ"
สำนักข่าวอิศรา ยังรายงานว่า แหล่งข่าวจากกองทัพไทยได้ให้ข้อมูลยืนยันว่า หลังจากที่ ร.ท. คนดังกล่าวได้รับการบรรจุ ก็ไม่เคยเข้ามาทำงานที่ ศรภ. โดยถูกทำเรื่องแต่อย่างใด ก่อนจะมีการทำเรื่องขอตัวจาก สำนักงาน เสธ.ทหาร ไปช่วยราชการติดตามนายทหารท่านหนึ่ง แต่ก็มีข่าวว่า ร.ท.คนนี้ มักไปปรากฎตัวที่ "วัดสระเกศ" เนื่องจากเป็นคนสนิทพระชั้นผู้ใหญ่ของวัดสระเกศ และเข้านอกออกในวัดอยู่เป็นประจำ
ขณะที่ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าฯ สตง.ยอมรับกับสำนักข่าวอิศราว่า ร.ท.คนดังกล่าว เคยมาช่วยงานในช่วงที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ สตง. อยู่ระยะหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นคนที่มีความคล่องตัวในการทำงาน และเท่าที่ทราบ แม่ของนายทหารผู้นี้ได้เปิดบริษัทและเคยรับว่าจ้างงานสื่อประชาสัมพันธ์ของวัดสระเกศอยู่ ส่วนรายละเอียดอื่น ไม่ทราบข้อมูลอะไรมาก
"ไพบูลย์"แฉ"พระชั้นผู้ใหญ่"เผ่นนอก
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ผู้ก่อตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นกระบวนการทุจริตงบประมาณแผ่นดินของพระชั้นผู้ใหญ่ในระดับกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ที่มีกลุ่มบุคคลอ้างเป็นองค์กรชาวพุทธออกมาปกป้อง เพื่อกดดันแทรกแซงไม่ให้การตรวจสอบพฤติกรรมของพระชั้นผู้ใหญ่รูปดังกล่าว โดยที่ผ่านมาเฉพาะวัดได้เบิกงบแผ่นดิน โดยอ้างจะนำไปใช้ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปแล้วหลายร้อยล้าน หรือตกประมาณปีละ 60 ล้านบาท
"กรณีนี้เป็นการนำเงินหลวงมาเข้าบัญชีวัดที่พระรูปดังกล่าวเป็นเจ้าอาวาส จากนั้นก็โอนเงิน 25 ล้านบาทเข้าบัญชีสีกา แล้วให้สีกาเบิกเงินเป็นแคชเชียร์เช็ดสั่งจ่ายคืนให้กับตัวเอง แล้วก็นำไปใช้ต่อ พฤติกรรมอย่างนี้ทำให้เชื่อได้ว่าเข้าข่ายเป็นการฟอกเงินที่ได้จากการทุจริตเงินหลวงแล้ว และล่าสุดทราบว่า ขณะนี้พระชั้นผู้ใหญ่ระดับกรรมการ มส.รายนี้ อยู่ที่ต่างประเทศ จึงขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย"
นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า การตรวจสอบทุจริตเงินหลวงของพระชั้นผู้ใหญ่หลายรูปต่อจากนี้จะมีหน่วยงานของรัฐ เช่น ป.ป.ง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินและขยายผลไปยังขบวนการหรือกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกมาก ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ นำไปสู่การปฏิรูปการปกครองคณะสงฆ์ และการจัดการทรัพย์สินวัดและพระภิกษุให้เป็นไปตามพระธรรมวินัยมากขึ้น
สุวพันธุ์โยนถามตร.ปมแม่บ้าน"ร.ท."
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีที่ตำรวจนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านนายทหารยศ "ร.ท." ที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับปัญหาการทุจริตเงินทอนวัดนั้น ตนยังไม่ได้รับรายงานจากสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ทราบแต่เพียงว่าเรื่องนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน และขยายผลของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ซึ่งเขาได้ดำเนินการมาตั้งแต่เกิดเรื่องราวขึ้นมา ซึ่งการเข้าตรวจค้นบ้านพักของนายทหารคนดังกล่าว เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา คงเป็นไปตามการสืบสวนสอบสวน และขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบมีการโอนเงิน 25 ล้านบาท จากเจ้าอาวาสวัดชื่อดังแห่งหนึ่งให้กับแม่บ้านของนายทหารคนดังกล่าวนั้น เรื่องนี้ตนยังไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับใคร อะไร อย่างไร ขอให้สอบถามทางตำรวจดีกว่า เพราะขณะนี้เรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการของตำรวจ
"คดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัดอยู่ที่ทางตำรวจเป็นหลัก ขณะที่การดำเนินการของ พศ.เป็นเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัย หรือการกระทำผิดของข้าราชการ พศ. แต่ทาง พศ.ต้องประสานการทำงานกับทางตำรวจในเรื่องการดำเนินคดี ซึ่งทุกฝ่ายเดินหน้าดำเนินการตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน" นายสุวพันธุ์ กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวสั้นๆ ว่า ประเด็นนี้รัฐมนตรีชี้แจงชัดแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี