19 พ.ค.61 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ ได้เดินทางไปที่บ้านของ นางนิตยา ดูให้ดี อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 339 บ้านพูนสุข หมู่ 9 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังได้รับทราบถึงเรื่องราวชีวิตสุดรันทดของชีวิตของเธอ
นางนิตยา เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังด้วยน้ำตานองหน้าว่า เรื่องราวความเลวร้ายของชะตาชีวิตของเธอเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 61 ซึ่งขณะนั้นเธอท้องลูกคนเล็กได้เพียง 7 เดือน โดยวันที่ 13 ก.พ.61 เป็นวันที่คุณหมอนัดตรวจ แต่ในช่วงหัวค่ำของวันที่12 ก.พ.61 ขณะกำลังพักผ่อนอยู่ในบ้านกับลูกโตซึ่งพิการตั้งแต่กำเนิด 2 คน เวลาประมาณ 3 ทุ่ม เธอก็ได้โทรศัพท์จากญาติว่าสามีกับลูกคนเล็กของเธอขี่มอเตอร์ไซค์ล้มสามีอาการสาหัสมาก ส่วนลูกรู้สึกตัวดีให้เธอรีบมาดูที่โรงพยาบาลพนมดงรัก ด้วยความตกใจจึงรีบไปดูอาการของสามี แต่สภาพที่เห็นหัวใจของเธอแทบสลาย สามีของเธอไม่รู้สึกตัวแล้ว คุณหมอต้องรีบนำสามี และลูกของเธอส่งต่อโรงพยาบาลสุรินทร์ เพื่อช่วยชีวิตเป็นการด่วน
เมื่อถึงโรงพยาบาลสุรินทร์ คุณหมอก็นำเข้าห้องไอซียู ส่วนลูกรักษาอีกตึกหนึ่ง คืนนั้นเธอเฝ้าลูกทั้งคืน ส่วนสามีก็มีญาติเฝ้า พอรุ่งเช้าวันที่13 ก.พ.61 เธอก็ต้องมาหาหมอตามนัดที่โรงพยาบาลปราสาท เพื่อตรวจครรภ์ ขณะที่อาการของสามีก็วิกฤติเป็นตายเท่ากัน
เธอเดินทางมาพบหมอด้วยน้ำตาทั้งห่วงลูกทั้งห่วงสามี เคราะห์ซ้ำกรรมซัดผลตรวจคุณหมอบอกว่า เธอมีอาการครรภ์เป็นพิษ ต้องผ่าตัดโดยด่วน เพื่อช่วยชีวิตลูกน้อยในท้อง เธอจึงถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลสุรินทร์ เพื่อผ่าตัดทำคลอด
ในที่สุดความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในครอบครัวก็มาถึงเมื่อสามีของเธอได้สิ้นใจลงในวันที่ 14 ก.พ.61 เวลาตี 2 ในวัยเพียง 37 ปี ในขณะที่เธอนอนรอการผ่าตัดในห้องคลอด บ่าย 2โมงของวันที่ 15 ก.พ. 61 คุณหมอทำการผ่าทำคลอดเธอเป็นเวลาเดียวกับที่ญาติของเธอนำร่างอันไร้วิญาณของสามีเธอกลับบ้านเพื่อบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนา
ชีวิตเหมือนสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ไหนจะลูกคนโตที่พิการ ไหนจะลูกคนเล็กที่เพิ่งคลอดแล้วเธอจะเดินต่อไปยังไง ชีวิตเวลานั้นมีแต่น้ำตา จนวันที่17 ก.พ.61 คือวันที่จะต้องฌาปนกิจศพของสามี แต่เธอยังนอนพักฟื้นอยู่โรงพยาบาล
เธอตัดสินใจขออนุญาตหมอกลับบ้านเพื่อจะมาเผาศพของสามีคุณหมออนุญาตให้ได้ 2ชั่วโมงเพราะร่างกายเธออ่อนแอมากเธอมีเวลาแค่ 2ชั่วโมง เพื่อส่งดวงวิญาณของสามีแล้วก็กลับไปนอนที่โรงพยาบาลต่ออีก 3 คืนเธอก็ได้กลับบ้านแต่บ้านของเธอ เวลานั้นช่างเป็นบ้านที่เงียบเหงาเหลือเกิน เธอไม่รู้จะสู้ต่อไปได้แค่ไหน สูญเสียเสาหลักชีวิตก็ไม่มีรายได้อะไรเลย
ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่สูญเสียสามีไปชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ลูกคนเล็กเพิ่ง 3ขวบก็ต้องดูแลใกล้ชิดลูกคนโตอายุ 8 ขวบ ซึ่งพิการก็ห่างไปไหนไม่ได้ลูกคนกลางอายุ 5 ขวบ ก็เข้าเรียนอนุบาลรายจ่ายก็เพิ่ม อาศัยเพื่อนบ้านใจดีคอยหยิบยื่นให้บ้างพอประทังชีวิต เพื่อลูกยังไงตนก็จะสู้ต่อไป
ฝากถึงพี่น้องคนไทยทั้งประเทศหากอยากช่วยเหลือครอบครัวของน้องนิตยา ก็โอนเงินเข้าบัญชีของเธอได้ที่ธนาคาร ธกส. สาขาพนมดงรัก เลขบัญชี 020089597696 ชื่อบัญชี นางนิตยา ดูให้ดี หรือจะโทร.ให้กำลังใจก็ที่เบอร์ 090-3759350 คนไทยไม่ทิ้งกันครับ เพื่อให้ได้มีต้นทุนในการดำเนินชีวิตต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี