23 พ.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ฉะเชิงเทรา ว่า เมื่อช่วงสายของวันนี้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วยนายสุวิทย์ คำดี ผู้ว่าราชการจังหวัด(ผวจ.) ฉะเชิงเทรา , พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด(ผบก.ภ.จว.) ฉะเชิงเทรา , พล.ต.พณิชย์ ศิริพละ รอง ผอ.รมน.ฉะเชิงเทรา , นายพรเลิศ โชคชัย ปลัดจังหวัด , นางฐิติลักษณ์ แสงงาม นายอำเภอพนมสารคาม และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ผู้แทนกระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ของบริษัท นิสส์สกาย เมทัล จำกัด เลขที่ 111/6 หมู่ 9 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งโรงงานดังกล่าวยังไม่ได้ขออนุญาตดำเนินการประกอบกิจการแต่อย่างใด
พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า จากการที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ยอมไม่ได้ที่จะให้ประเทศไทย เป็นศูนย์รวมของกากขยะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นพิษมาอยู่ในประเทศไทย จึงสั่งการให้บูรณาการร่วมกับหลายหน่วยงานดำเนินการตรวจสอบ และหยุดยั้งกระบวนการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ทำลายประเทศไทย
จากการตรวจสอบวันนี้ ปรากฏว่าน่ากลัวกว่าเมื่อวาน(22 พ.ค.61) และประเทศชาติเสียหายมากกว่า โดยสิ่งแรกที่ตรวจสอบพบว่าโรงงานแห่งนี้มีการขออนุญาตโรงงานอุตสาหกรรมคัดแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นขยะอันตรายถึง 15 ใบอนุญาต ณ ที่แห่งเดียว และตรวจพบว่าโรงงานยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ส่วนที่แล้วเสร็จก็ยังไม่มีใบอนุญาตประกอบการ และได้ทำการประกอบการนำขยะอุตสาหกรรมจากทุกมุมโลกมารวมไว้ในที่แห่งนี้หลายหมื่นตัน
นอกจากนี้ยังดำเนินการใช้ขยะอิเล็กทรอนิกส์มาทำการเผา เพื่อทำลายสารตะกั่วที่ติดอยู่กับแผ่นบอร์ดเหล่านั้น เพื่อแยกชิ้นส่วนออกมา ถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างยิ่ง เพราะตะกั่วและสารอันตรายทั้งหลาย โดยเฉพาะแคดเมียมที่อยู่ในส่วนประกอบเหล่านั้น จะระเหยสู่บรรยากาศโดยไม่มีระบบฟอกอากาศ
รอง ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า นอกเหนือจากนั้นแล้ว พบว่า ที่นี่มีการหลอมโลหะ โลหะที่หลอมนั้นก็มีสารปนเปื้อนหรือฉนวนที่เป็น PVC หุ้มอยู่ ซึ่งเป็นสารอันตรายและเป็นสารก่อมะเร็ง ปรากฏว่าโรงงานที่ทำการหลอมนั้นยังไม่ได้รับอนุญาตอีกเช่นเดียวกัน แต่ทำการหลอมแล้ว และที่สำคัญโรงงานแห่งนี้ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงแต่ยังไม่ได้มีการขออนุญาตอย่างถูกต้อง ทั้งกระบวนการนำเข้าและกระบวนการใช้ถ่านหิน
ส่วนการทำประชาคมนั้น ไม่ได้ทำประชาคมให้พี่น้องประชาชนได้รู้ได้เห็นได้ทราบ เพียงแต่ติดไว้ที่ว่าการอำเภอแล้วก็บอกว่าเป็นการทำประชาคมแล้ว อันนี้จะต้องตรวจสอบในกระบวนการขออนุญาตต่อไปว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ปิดบังซ่อนเร้นอำพรางในข้อเท็จจริงที่จะบอกให้ประชาชนชุมชนได้รับทราบหรือไม่
“จากการตรวจสอบแล้วขยะกากอุสาหกรรมจากทุกมุมโลกมาอยู่ในที่นี้ได้อย่างใด ทั้งๆที่โรงงานยังไม่ได้เปิดดำเนินการ ในส่วนนี้ก็จะมีความผิดฐานครอบครองขยะอุตสาหกรรมอันตรายเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตและผิดกฎหมาย และเรื่องนี้จากการตรวจสอบแล้วทราบว่ามีกระบวนการนำเข้ามา โดยอาจจะมีการสำแดงเท็จหรือสวมสิทธิ เมื่อกระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินคดีในวันนี้ สิ่งของเหล่านี้จะต้องถูกผลักดันออกนอกพื้นที่แห่งนี้ แต่จะออกไปที่ไหนทีนี้คือปัญหา เพราะไม่มีแหล่งใดในโลกนี้จะยอมรับขยะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อันตรายเหล่านี้ เพราะมีเพียงประเทศไทยเท่านั้นที่อนุญาตนำเข้าได้ และต้องตรวจสอบว่ากระบวนการอนุญาตนำเข้าถูกกฎหมายหรือไม่เพราะตามสนธิอนุสัญญาบาเซล ประเทศไทยเป็นภาคีอนุสัญญา จะไม่สามารถที่จะอนุญาตให้นำขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้เข้าประเทศได้ และไม่สามารถส่งออกได้เช่นกัน” รอง ผบ.ตร.กล่าว
รอง ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า บริษัทที่จดทะเบียนที่นี่เป็นบริษัททุนจดทะเบียนต่ำ แต่ปรากฏว่าภาระในการกำจัดขยะมลพิษมีมูลค่าสูงมาก ไม่สามารถที่จะทำอย่างไรได้ ท้ายสุดขยะของทั้งโลกจะตกอยู่ในประเทศไทย ไม่สามารถผลักไปไหนได้ ตรงนี้จะต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน ในกระบวนการนำเข้ามาของขยะที่อาจจะไม่ถูกกฎหมายและกระบวนการขนถ่าย กระบวนการเก็บ กระบวนการแปรรูปขยะ จะต้องมาจัดการเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นแล้วภาระจะตกอยู่กับรัฐบาล และพี่น้องประชาชนคนไทยผู้ต้องจ่ายภาษีมาแก้ไขในเรื่องนี้ ในขณะที่ผู้ดำเนินธุรกิจเหล่านี้เป็นชาวต่างชาติล้วนๆทั้งหมด
พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวอีกว่า เมื่อขยะถ้าเข้ามาโดยไม่ถูกต้อง ใครที่มีส่วนในการนำเข้ามา ทั้งเอกชนและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องคงต้องรับผิดชอบ กระทรวงอุตสาหกรรมต้องกำหนดว่าจะแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในข้อหาส่วนที่ดำเนินการประกอบกิจการที่ยังไม่แจ้งประกอบการทั้ง 15 ราย และอันดับ 2 เป็นตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย ซึ่งมีไว้ในครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันนี้ในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ทางสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด สั่งให้ระงับและหยุดประกอบกิจการที่ฝ่าฝืนข้อกฎหมาย โดยได้ออกหนังสือด่วนภายในวันนี้ ส่วนการดำเนินคดีให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามอำนาจหน้าที่และกฎหมายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี