จากสถานการณ์การส่งออกลำไยไปยังประเทศอินโดนีเซียในปีนี้ดูเหมือนจะมีปัญหาไม่น้อย เนื่องจากประเทศอินโดนีเซียได้สั่งงดการนำเข้าลำไยจากประเทศไทย จำนวน 28,000 ตัน ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ลำไยออกสู่ตลาดมากที่สุด ทำให้ส่งผลกระทบต่อผลผลิตลำไยที่กำลังจะออกในปีนี้ ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการรณรงค์ผลิตลำไยคุณภาพ เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และทดแทนตลาดอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ ปี 2556 - 2560 ประเทศไทยส่งออกลำไยสดไปยังอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นจาก 59,869.60 ตัน ในปี 2556 เป็น 97,180.86 ตัน ในปี 2560 โดยเฉพาะในช่วงที่ไทยมีปริมาณผลผลิตออกมาก (ช่วงพีค) คือ เดือนกรกฎาคม - สิงหาคม มีการส่งออกเพิ่มขึ้นจาก 15,546.21 ตัน ในปี 2556 เป็น 28,387.96 ตัน ในปี 2560 ซึ่งกรณีอินโดนีเซียงดการนำเข้าในช่วงเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม คาดว่าจะกระทบต่อปริมาณผลผลิตลำไยสดที่ไม่สามารถนำเข้าได้ สอดคล้องกับปริมาณการส่งออกที่มากที่สุดในปี 2560 ประมาณ 28,387.96 ตัน หรือคิดประมาณร้อยละ 30 ของลำไยในช่วงพีคทั้งหมด
นายนเรศ ฝีปากเพราะ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 6 จังหวัดเชียงใหม่ กรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า โครงการรณรงค์ผลิตลำไยคุณภาพ ปี 2561 เป็น 1 ในนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาล ตามมติคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ หรือ Fruit Board ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายกฤษฎา บุญราช) เป็นประธาน โดยมีเป้าหมายที่จะผลิตลำไยคุณภาพเพื่อพัฒนาคุณภาพยกเกรด จากเกรด A เป็น AA ซึ่งจากการงดการนำเข้าลำไยของอินโดนีเซียในปีนี้ จำนวน 28,000 ตัน ทำให้ต้องเปลี่ยนเป้าหมายโดยได้ดำเนินการร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ในการพัฒนาคุณภาพลำไย โดยเริ่มตั้งแต่การเตรียมต้นจนถึงการพัฒนาคุณภาพ ซึ่งจะเน้นการตัดแต่งช่อผล เพื่อให้มีปริมาณจำนวนผลในช่อให้เหมาะสม เพื่อพัฒนาคุณภาพลำไยจากเกรด A เป็น AA ให้ได้
โดยในปี 2561 คาดการณ์ว่าจะมีเนื้อที่ให้ผล จำนวน 837,721 ไร่ ผลผลิตรวม ประมาณ 659,134 ตัน จำแนกเป็นลำไยในฤดู จำนวน 639,413 ไร่ ผลผลิตจำนวน 386,303 ตัน และลำไยนอกฤดู จำนวน 198,308 ไร่ ผลผลิต จำนวน 272,831 ตัน โดยผลผลิตในฤดูมีปริมาณมากกว่า ปี 2560 ร้อยละ 2.28
สำหรับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการนี้ ตั้งเป้าไว้ที่ 6,543 ราย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มปราชญ์ชาวบ้าน กลุ่มศพก.กับแปลงใหญ่ลำไย และกลุ่มเกษตรกรรายใหม่ โดยสามารถผลิตลำไยคุณภาพได้มากกว่า 20,000 ตัน ซึ่งจะเน้นพัฒนาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน เนื่องจากเป็นแหล่งผลิตที่ใหญ่ที่สุดของภาคเหนือ
“ที่ผ่านมาเกษตรกรส่วนใหญ่ ร้อยละ 80 ตลาดหลักจะอยู่ที่ตลาดลำไยอบแห้งทั้งเปลือกหรือตลาดลูกร่วง แต่หลังจากได้เข้าร่วมโครงการ ได้มีการปรับเปลี่ยนมาทำเป็นลำไยสดช่อ มีการพัฒนาคุณภาพการตัดแต่งช่อผล มีการดูแลรักษาตามกระบวนการจัดการคุณภาพที่ดีและเหมาะสม จนสามารถยกระดับผลผลิตและเปลี่ยนตลาดเป้าหมายจากตลาดลูกร่วงมาเป็นตลาดบริโภคสดได้ โดยในปีนี้มีเป้าหมายผลิตลำไยเกรด AA ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 เป็นการยกระดับรายได้ของเกษตรกรให้เพิ่มขึ้น มั่นคง และยั่งยืนกว่าเดิม” นายนเรศ กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี