24 พ.ค.61 พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีในงานวันคล้ายวันสถาปนาสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (สคช.) (องค์การมหาชน) พร้อมปาฐกถา เรื่อง "คุณวุฒิวิชาชีพกับการพัฒนากำลังคนสู่ประเทศไทย 4.0" ตอนหนึ่ง ว่า จากกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกทั้งด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายธุรกิจ การติดต่อการค้ามีพลังมากขึ้นทำให้เกิดการแข่งขันสูง เมื่อมีการแข่งขันเราจึงจำเป็นต้องสร้างจุดแข็งเพื่อให้สามารถก้าวสู่การแข่งขันกับกลุ่มประเทศอาเซียนและในระดับสากล พร้อมกันนี้ต้องแก้จุดอ่อนและเร่งพัฒนาโดยเฉพาะเรื่องสมรรถนะอาชีพ ความรู้ความสามารถทางด้านเทคโนโลยี ซึ่งคนไทยมีหลากหลายอาชีพ การพัฒนาจึงต้องทำควบคู่ทั้งด้านวิชาการและการพัฒนาคุณวุฒิวิชาชีพ
ทั้งนี้ การพัฒนาประเทศตามนโยบายประเทศไทย 4.0 จะต้องพัฒนากำลังคนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อรองรับระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก Eastern Economics Corridor หรือ EEC โดยเฉพาะผู้จบสายอาชีพ พบว่ามีทักษะอาชีพตรงความต้องการ 6 ล้านคน หรือ 25% ของผู้เรียนสายอาชีพ ส่วนที่เหลือไม่ใช่ทำงานไม่ได้ แต่ยังอยู่ระดับกลางๆ ขณะที่ประเทศมีความต้องการแรงงานที่มีทักษะอาชีพขั้นสูงถึง 20 - 30 ล้านคน ซึ่งในแผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี กำหนดไว้ว่าภายในปี 2565 ต้องสร้างแรงงานทักษะอาชีพขั้นสูงให้ได้อย่างน้อย 12 ล้านคน เพื่อเติมเต็มในทุกอุตสาหกรรมของประเทศ และรองรับความต้องการและการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเวลานี้ก็มีหลายหน่วยงานมาร่วมอบรมพัฒนา ทั้งสถานประกอบการ มหาวิทยาลัย โดยมี สคช.เป็นแกนนำในการประเมินสมรรถนะอาชีพ
ด้าน นายนคร ศิลปอาชา ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาคุณวุฒิวิชาชีพ กล่าวว่า สคช.มุ่งมั่นส่งเสริมให้มีการจัดทำมาตรฐานอาชีพ การรับรองสมรรถนะของบุคคล เสริมสร้างกำลังคน รวมถึงสร้างการยอมรับระบบคุณวุฒิวิชาชีพสู่สากล มุ่งพัฒนากำลังคนอย่างมีระบบและมีสมรรถนะที่ดีในการประกอบอาชีพ และรองรับนโยบายการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ และเพื่อให้มีความสอดคล้องกับกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน
"ที่ผ่านมา สคช.มุ่งขับเคลื่อนนโยบายให้สอดรับกับการก้าวไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล การพัฒนาระบบคุณวุฒิวิชาชีพและมาตรฐานอาชีพให้สอดคล้องกับทิศทางการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ สู่การขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ตอบสนองยุทธ์ศาสตร์การพัฒนาประเทศภายใต้แผนยุทธ์ศาสต์ชาติ 20 ปี มุ่งสร้างความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในการปรับหลักสูตรให้เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพ เพื่อผลิตกำลังคนให้ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน ด้วยการให้นักเรียน นักศึกษาเข้าสู่ระบบการประเมินสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพก่อนจบการศึกษา ซึ่งนำร่องสถาบันการศึกษา 19 แห่ง ทั้งระดับอาชีวะศึกษาและอุดมศึกษา
ขณะที่ นายพิสิฐ รังสฤษฎ์วุฒิกุล ผู้อำนวยการ สคช.กล่าวว่า สคช.เดินหน้าขับเคลื่อนการพัฒนาระบบคุณวุฒิวิชาชีพ เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาคนให้เป็นมืออาชีพ และยกระดับอาชีพในประเทศไทยให้มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล ทั้งนี้ ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา มีผู้เข้ารับการประเมินและทดสอบสมรรถนะอาชีพ จำนวน 45,000 คน สำหรับปี 2561 สคช.มีแผนจะประเมินและทดสอบสมรรถนะ เรื่องอาชีพให้ได้จำนวน 20,000 คน เป็นอย่างน้อย และประเมินสมรรถนะเรื่องการใช้ดิจิทัล จำนวน 10,000 คน รวมทั้งสิ้น 30,000 คน และภายในปี 2565 สคช.ตั้งเป้ายกระดับสมรรถนะกำลังคนให้ได้อย่างน้อย 310,000 คน
นอกจากนี้ สคช.มุ่งยกระดับมาตรฐานอาชีพบุคลากรกลุ่มสาขาอาชีพให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งพื้นที่ EEC ในสาขาโลจิสติกส์โครงสร้างพื้นฐาน , โลจิสติกส์บริการ , หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ , ดิจิทัล , อาหารและเกษตร,ปิโตรเคมี เคมีภัณฑ์และพลังงานทดแทน แม่พิมพ์ และผลิตภัณฑ์ยางพารา รวมถึงจะส่งเสริมสนับสนุนการจัดทำมาตรฐานอาชีพในกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และกลุ่มอุตสาหกรรมศักยภาพสูง เช่น ยานยนต์สมัยใหม่ การท่องเที่ยวอัจฉริยะ การแปรรูปอาหาร และการแพทย์ครบวงจร อีกด้วย
"การทำงาน สคช.เน้นการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสมรรถนะกำลังคน เพื่อตอบโจทย์การขับเคลื่อนประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยร่วมมือกับภาคการศึกษา มหาวิทยาลัยที่เข้ามาร่วมเป็นศูนย์ประเมินและทดสอบสมรรถนะอาชีพ และในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนา ก้าวสู่ปีที่ 6 สคช.ตั้งเป้าหมาย "พลิกโฉม ตอบโจทย์คนไทยมืออาชีพ" ด้วยการเสริมสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิตในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น การเรียนรู้โดยผ่านระบบ E - Training การใช้ Mobile Application เพื่อสืบค้นเกี่ยวกับมาตรฐานอาชีพ การจัดทำ QR CODE ในทุกๆอาชีพ เพื่อสร้างความสะดวก รวดเร็วในการเข้าถึงข้อมูล" นายพิสิฐ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี