"ผบ.ตร." ประสานเสียงรับ "ผบช.ก." ยัน จนท.ไม่ได้เลือกปฏิบัติ แจงชุดคอมมานโดอาวุธครบมือบุกจับ "อดีตพระพุทธะอิสระ" คากุฎิทำถูกต้องตามยุทธวิธี ขณะที่กระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์การปฎิบัติหน้าที่ของ ตร.ยับทำเกินกว่าเหตุ 2 มาตรฐาน ทั้งที่ผู้ต้องหาเป็นพระแถมไม่มีพฤติกรรมหลบหนี ขณะที่ศิษย์ร่ำให้เข้าเยี่ยม "หลวงปู่ที่เรือนจำกลางพิเศษ" โวยไม่ได้รับความเป็นธรรม ด้านทนายความเผยหลวงปู่ฯจะรับสารภาพคดีการแอบอ้างพระปรมาภิไธย แต่ยืนยันยันไม่ได้มีเจตนาแอบอ้าง เพราะหลวงปู่เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ดุจชีวิต
ผบ.ตร.ลั่นจับ"พุทธะอิสระ"ทำถูกยุทธวิธี
วันนี้ (25 พ.ค.61) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีมีคลิปการเข้าจับกุมนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธอิสระ ที่วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม โดยมีการทุบประตู และเข้าจับกุมขณะอยู่บนที่นอน จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุว่า การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการถูกต้อง เป็นไปตามยุทธวิธี ทั้งนี้ ประชาชนอาจยังไม่ชินกับการจับพระ จึงกระทบความรู้สึกของประชาชนบ้าง เพราะเป็นการดำเนินการกับพระ แต่ต้องเข้าใจด้วยว่าพระสงฆ์ก็มีทั้งพระดีและพระไม่ดี การปฏิบัติการของตำรวจก็ต้องระมัดระวังตัวเอง
"การดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอน เหมือนกรณีการจับกุมเสกโลโซ และ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้เลือกปฏิบัติ แค่ประชาชนไม่ชินกับการควบคุมตัวหรือดำเนินการกับพระเท่านั้น ทั้งนี้ ในคดีนี้ผมไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย" ผบ.ตร.กล่าว
ด้าน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ชี้แจงในกรณีเดียวกันว่า เรื่องดังกล่าวขอให้เข้าใจตำรวจและยุทธวิธีเรื่องของความปลอดภัย เพราะหากมีปัจจัยแทรกซ้อนขึ้นมาจะไม่มีใครรับผิดชอบ เพราะที่ผ่านมาจะสังเกตุได้ว่า เมื่ออดีตพระพุทธะอิสระ เดินทางไปสถานที่ใด จะมีชุดคุ้มกัน อีกทั้งพื้นที่วัดก็มีบริเวณกว้างและเป็นช่วงเช้ามืด การเข้าพื้นที่ต้องมีการเตรียมพร้อม และปฏิบัติการของตำรวจครั้งนี้ถือเป็นเรื่องดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บหรือได้รับอันตราย พร้อมยอมรับว่าวิธีการทำงานของตำรวจอาจจะไม่ถูกใจบางคน แต่ตำรวจจำเป็นต้องป้องกันเรื่องของความปลอดภัยไว้ก่อน
ทางด้าน พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.ในฐานะโฆษกตำรวจ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบรายละเอียด และปิดล้อมจับกุมแต่ละวัดอย่างไร เนื่องจากติดภารกิจตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมขยะ และส่วนตัวยังไม่เห็นคลิปที่สังคมกำลังวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนการเข้าจับกุมจะถือว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุหรือทำตามขั้นตอนยุทธวิธีของตำรวจหรือไม่นั้น ขอตรวจสอบรายละเอียดก่อน
"อนุพงษ์"ปฏิเสธสนิท"อดีตพระพุทธะฯ"
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีหน่วยคอมมานโดบุกรวบตัวอดีตพระพุทธะอิสระ ในข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร และปลอมแปลงพระปรมาภิไธยว่า ทุกคนรวมทั้งตนรู้สึกเสียใจ เชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น แต่เมื่อมีการทำผิดกฎหมายก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย อยากให้สังคมเรียนรู้ว่า ไม่ว่าใครก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่ว่าจะการเมืองหรือศาสนาต้องทำตามกฎหมายทุกคน
ส่วนกรณีที่มีภาพถ่าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับ พุทธะอิสระ ในงานพิธีสงฆ์แห่งหนึ่งนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นนานมากแล้วเป็นช่วงที่ตนเกษียณอายุราชการแล้ว และได้ไปร่วมงานบุญดังกล่าวเท่านั้น ตนมองว่าไม่ควรนำภาพดังกล่าวมาเชื่อมโยงกับคดีที่เกิดขึ้น
เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่า พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับ พุทธะอิสระ นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวเพียงว่า "แล้วรัฐบาลไหนจับ"
"กนก"โพสต์ตำหนิตำรวจ2มาตรฐาน
นายกนก รัตน์วงศ์สกุล ผู้ประกาศข่าวชื่อดังได้โพสต์คลิปเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกจับกุมพระพุทธะอิสระ พร้อมข้อความลงใน Kanok Ratwongsakul Fan Page พร้อมระบุข้อความว่า "ตอนแรก พี่ปองส่งคลิปมาให้ดู นึกว่าตำรวจกองปราบ จู่โจมเข้าจับ มหาโจรวายร้าย ฆาตกรที่ไหน.. ที่แท้มาจับหลวงปู่ โธ่ถัง! ท่านอายุ 62 แล้ว และไม่ว่าจะโดนคดีอะไร ท่านก็ไม่เคยคิดหลบหนี ตลอดทางที่เข้ามา ก็ไม่เห็นตำรวจถูกขัดขวางจากลูกศิษย์วัดคนใด ต้องกระโชกโฮกฮาก ขนาดนี้เลยเหรอ? หรือว่ารู้กำลังถ่ายคลิป ก็เลยเล่นใหญ่ไว้ให้นายดู? ทำไมนายตำรวจที่คุมไป ไม่ประเมินสถานการณ์แวดล้อม แล้วปรับท่าทีชุดจับกุม ให้เหมาะสม .. ไม่เข้าท่าเลย !!!"
ต่อมานายกนก ได้โพสต์ข้อความอีกครั้งโดยตำหนิเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า 2 มาตรฐานนำกำลังบุกเข้าจับกุมอดีตพระพุทธะอิสระ แต่กลับปล่อยให้พระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ หรือ'คุณธงชัย' หลบหนีไปสิงคโปร์
"สันธนะ"ได้ทีอัดตร.ทำเกินกว่าเหตุ
พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับตำรวจสันติบาล ประธานที่ปรึกษา บริษัท พัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง จำกัด ผู้ต้องหาคดีร่วมกันกรรโชกทรัพย์ผู้ค้าตลาดใหม่ดอนเมือง กล่าวว่า การจะปฏิบัติการด้วยความรุนแรงกับเป้าหมายหรือผู้ต้องหานั้นตามรัฐธรรมนูญยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ อย่างที่เห็นเมื่อวานนี้การจับกุมท่านยังเป็นพระภิกษุอยู่ และภาพการเข้าไปดำเนินการจับกุม หรือการทำงานจะต้องมีการตรวจสอบว่าเป้าหมายอยู่ในพื้นที่แน่นอน แต่ก็จะต้องประเมินต่อไปด้วยว่าความรุนแรงจะอยู่ในระดับไหนอย่างไร ซึ่งเจ้าหน้าที่ย่อมจะต้องทราบอยู่แล้ว
"การเข้าจับกุมอดีตพระพุทธะอิสระ เรื่องคดีความผมไม่ทราบ แต่ผมมองการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในลักษณะรุนแรงหรือไม่ แม้การเข้าจับกุมตำรวจจะมีหมายจับ แต่การปฏิบัติก็มองว่าไม่จำเป็นขนาดนั้น เพราะสภาพพื้นที่ที่พักก็ไม่ได้มีบุคคลอื่นหรือใครที่จะมาร่วมต่อต้านอะไร เป็นที่พักปกติธรรมดา และเมื่อประตูไม่เปิดก็เคาะเรียก เมื่อเรียกแล้วไม่เปิด แต่ในทางการข่าวมั่นใจแล้วว่าท่านยังอยู่ในที่พัก แต่จะหลับหรือทำธุระอะไรก็ไม่ทราบ ก็ควรจะให้เวลา เพราะการเอาค้อนไปทุบประจูปังๆ สุดท้ายภาพก็ออกมาฟ้องสังคมว่าท่านยังหลับอยู่ในมุ้ง การเคาะประตูพังแล้วเข้าไปเลยพร้อมอาวุธ แต่ปรากฏว่าภายในก็ไม่มีอะไร ซึ่งตอนนั้นท่านยังอยู่ในสมณเพศ และก็ไม่ได้มีการต่อต้านอะไร แต่ภาพที่ปรากฏเจ้าหน้าที่เข้าไปโดยมีอาวุธรุนแรง หมายความว่าวันนี้อำนาจรัฐถ้าจะกระทำกับใครก็ย่อมได้ โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงบุคคลหรือเป้าหมายว่าเป็นใคร เหมือนที่ปฏิบัติกับตนหรือแม้แต่อดีตพระพุทธะอิสระ"
"อี้ แทนคุณ"ป้องพุทธะอิสระยังบริสุทธิ์
นายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนมองว่าตั้งข้อหาหนักหนาสาหัสไป ที่จริงแล้วในกระบวนการทางอาญาต้องดูเจตนา เข้าใจว่าหลวงปู่พุทธะอิสระไม่ได้ต้องการใช้ความรุนแรง หรือหวังให้เกิดการประทุษร้ายใครแต่อย่างใด ซึ่งในช่วงเวลานั้นเกิดสถานการณ์ที่วิกฤติ และเป็นช่วงที่ตื่นตระหนก จึงทำให้เกิดการระแวงและระวังกันไปหมด เนื่องจากมีคนที่เข้ามาก่อความวุ่นวายเป็นระยะๆทำให้สถานการณ์อ่อนไหว เมื่อพบผู้ที่มีลักษณะพิเศษคล้ายช่ำชอง การต่อสู้ แตกต่างจากชาวบ้านอาจทำให้แต่ละคนที่ต้องปกป้องผู้ชุมนุม และการ์ดอาจเกิดความตึงเครียด และระแวงเกินไปอาจทำสิ่งที่รุนแรง
"การเข้าจับกุมหลวงปู่พุทธะอิสระคากุฏิครั้งนี้ต้องใช้คำว่าเจ็บปวดมากๆ เหมือนโอเวอร์แอคชั่น ต้องการแสดงศักดาของตำรวจ ต้องการเหยียดหยามศักดิ์ความเป็นมนุษย์และพระภิกษุ คนที่อัดคลิปก็เข้าใจว่าการเข้าจับกุมมีหลายวิธี สามารถออกหมายจับ และนิมนต์ตัวมาตามหมายจับ มองว่ากรณีนี้ควรมีพระวินัยธรมาเจรจาที่จะจับกุม และที่สำคัญท่านไม่ได้มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนีและก่อนหน้านี้ท่านก็พูดหลายครั้งแล้วว่าท่านพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเสมอ แต่เหตุการณ์ที่เข้าจับกุมเท่ากับตัดสินว่าท่านกระทำผิดแล้ว และกระทำผิดร้ายแรงด้วย ทำให้กลายเป็นว่าเกิดการเปรียบกับกรณีของพระที่ก่อความไม่สงบรูปอื่นแล้วไม่ได้จับกุม กรณีนี้อาจจะทำให้เกิดเหตุบานปลายกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว" นายแทนคุณ กล่าว
นายแทนคุณ ยืนยันว่า ในเมื่อศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดยังถือว่าหลวงปู่พุทธะอิสระยังเป็นผู้บริสุทธิ์ การกระทำดังกล่าวควรคำนึงความรู้สึกของศิษย์ยานุศิษย์ที่ศรัทธา และพุทธศาสนิกชนด้วย เราไม่ได้ปฏิเสธพระต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย แต่ที่เราปฏิเสธ คือ วิธีการที่รุนแรงต่อผู้กระทำผิด หรือ ผู้ที่ถูกกกล่าวหาว่ากระทำผิด รวมถึงกระบวนการยุติธรรมจะต้องให้ความยุติธรรมตั้งแต่ต้นทาง
เผยลูกศิษย์ห่วงสุขภาพ"พุทธอิสระ"
ที่บริเวณเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายมหัศจักร โสดี ทีมทนายความของอดีตพระพุทธอิสระ เปิดเผยระหว่างเดินทางมาเยี่ยมอดีตพระพุทธอิสระ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครว่า วันนี้มาเยี่ยมอดีตพระพุทธอิสระ และจะหารือในประเด็นการยกเหตุขอยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาล และขอยื่นประกันตัวอีกครั้ง โดยเฉพาะประเด็นการเข้าไปจับกุมตัวอดีตพระพุทธอิสระถึงกุฏิว่ามีความเหมาะสมตามข้อหาที่ได้รับหรือไม่ แต่หากศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวรอบที่ 2 เชื่อว่าลูกศิษย์จะไม่ก่อความวุ่นวาย เพราะทุกคนเคารพกฎหมาย แม้ว่าทางทนายความและลูกศิษย์มีความกังวลด้านสุขภาพ เนื่องจากอดีตพระพุทธอิสระ มีโรคประจำตัวหลายอย่าง เนื่องจากเป็นผู้สูงอายุที่ทำงานหนักมาตลอด และมีกำหนดนัดพบแพทย์ เพื่อผ่าตัดดวงตา
ส่วนกรณีที่ลูกศิษย์สงสัยว่าหลังจากนี้จะสามารถเรียกหลวงปู่พุทธอิสระ ได้เช่นเดิมหรือไม่นั้น ที่ผ่านมามีพระสงฆ์ที่เคยถูกดำเนินคดีในลักษณะนี้ แม้จะปลดผ้าเหลือง แต่จิตใจยังคงศรัทธาในพระพุทธศาสนา และอยู่ในพระธรรมวินัย โดยมองว่าผ้าเหลืองเป็นเพียงสัญลักษณ์ อย่างไรก็ตาม อดีตพระพุทธอิสระจะไม่ยื่นขอสิทธิพิเศษในการเป็นพระในเรือนจำ เพราะเคารพในกฎหมาย ส่วนภาระกิจที่เกิดขึ้นในวัดหลังจากนี้จะยังคงดำเนินไปตามปกติ
รับสารภาพคดีแอบอ้างพระปรมาภิไธย
ขณะที่ นายธีรยุทธ วรรณเกษร ทนายความของพุทธะอิสระ กล่าวว่า ขั้นตอนการประกันตัวนั้นจะรอทางพนักงานสอบสวนรวบรวมสำนวนคดีก่อน จึงจะยื่นประกัน ซึ่งยังระบุเวลาไม่ได้ ในส่วนของคดีทำร่ายร่างกายเจ้าหน้าที่นั้น ทางหลวงปู่พุทธะอิสระ จะต่อสู้ในคดีนี้ แต่ในส่วนของคดีการแอบอ้างพระปรมาภิไธยนั้นทางหลวงปู่จะรับสารภาพ แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาแอบอ้าง เพราะหลวงปู่เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ดุจชีวิต ซึ่งจะต้องขอพบหลวงปู่เพื่อดูรายละเอียดการรับสารภาพอีกครั้งต่อไป
ยัน"อดีตพุทธอิสระ"ยังไม่ได้"ปาราชิก"
ขณะที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป และอดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สปช.ที่เดินทางมาเยี่ยมอดีตพระพุทธอิสระที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร พร้อมทีมทนายความพระพุทธอิสระ กล่าวว่า ตนได้เข้าไปเยี่ยมหลวงปู่มา ทางท่านได้ฝากไปยังลูกศิษย์ว่า หลวงปู่สบายดี และจากการถูกดำเนินคดีนี้ ทางหลวงปู่ถือว่า ตนยังไม่ปาราชิก เลยยังคงถือพระวินัยอยู่
"กรณีที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่าอดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ ขาดจากการเป็นพระหรือไม่ ยืนยันว่าในการประกอบพิธีลาสิกขาเมื่อวานนี้ พระพุทธะอิสระยังไม่ได้เปล่งวาจาลาสิกขา ดังนั้น ในทางพระธรรมวินัย จึงไม่ถือว่าขาดจากการเป็นพระ แต่ในทางกฎหมายก็ต้องยอมรับในข้อนี้"
ส่วนกรณี่ที่มีคลิปการบุกจับจากกองปราบนั้น ตนเห็นแล้วไม่สบายใจ อยากจะให้ทาง ผบ.ตร.ทำหนังสือชี้แจงนายกรัฐมนตรี แต่ทางหลวงปู่บอกตนว่า อย่าทำและได้ห้ามไว้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ถือว่าดีแล้ว เป็นชะตากรรมของท่านซึ่งเห็นว่าดีที่สุดแล้วในการถูกดำเนินคดี ถือเป็นความจำเป็นของเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อดำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และชำระวงการสงฆ์ให้บริสุทธิ์
ศิษย์ร่ำไห้หลวงปู่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเช้าวันนี้ ได้มีลูกศิษย์ของอดีตพระพุทธะอิสระจำนวนหนึ่งเดินทางมารอเข้าเยี่ยม โดยทุกคนยังอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ และร่ำไห้ โดย นางมยุรฉัตร มโนทัย อายุ 80 ปี ที่เดินทางมาจากพหลโยธิน 8 ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ กล่าวว่า วันนี้ตั้งใจมาเยี่ยมและให้กำลังใจหลวงปู่พุทธอิสระ และเชื่อว่าศาลจะให้ประกันตัวพระพุทธอิสระ โดยตนเองเป็นลูกศิษย์อดีตพระพุทธอิสระ ตั้งแต่ปี 2544 เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาอดีตพระพุทธอิสระ ทำประโยชน์ให้กับประเทศมานาน แต่สิ่งที่ได้รับกลับโดนปาราชิก ถือว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งที่ผ่านมาท่านเป็นคนดี และคอยอบรมสั่งสอนบรรดาลูกศิษย์ทุกอย่าง จึงไม่อยากเชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี