"อดีตเจ้าคุณธงชัย" หนีไม่รอดถูก ตร.กดดันจนยอมมอบตัว กองปราบฯคุมตัวสอบปากคำส่งศาลฝากขังผัดแรกทันควันพร้อมค้านประกัน ขณะที่ทนายอดีตพระพรหมสิทธิวืดหอบเงินล้านเตรียมพร้อมแต่ศาลไม่ให้ประกันตัวหวั่นไปยุ่งเหยิงพยาน-หลักฐาน ก่อนถูก พศ.นิมนต์พระมาสึกถึงทีพร้อมส่งตัวให้ตำรวจคุมเข้าห้องขัง เปิดคำฟ้องแฉเบื้องลึก "พระธงชัย" ที่แท้จับมือ "พนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ.กับพวก" ตั้งแก๊งโกงเงินทอนวัด ตร.ไล่ล่าอีก 1 "เจ้าคุณจำนงค์" ยังล่องหน
วันนี้ (30 พ.ค.) ที่กองบังคับการปราบปราม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้รอรับมอบตัวอดีตพระพรหมสิทธิ หรือพระธงชัย สุขญาโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ที่ถูกถอดสมณศักดิ์ไปแล้ว และถูกดำเนินคดีในข้อหาฟอกเงินทอนวัด แต่ได้หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวหลังถูกเจ้าหน้าที่กองปราบฯกดดันอย่างหนัก จนกระทั่งเวลาประมาณ 14.00 น.พระธงชัย ได้เข้ามอบตัวที่กองปราบฯ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพาขึ้นด้านหลังตึกเพื่อสอบปากคำเบื้องต้น
ตร.คุมตัว "พระธงชัย" ฝากขังผัดแรก
ต่อมาเวลา 15.00 น.ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซ.สีคาม ถ.นครไชยศรี พ.ต.ท.สัณห์เพ็ชร หนูทอง พนักงานสอบสวนกองปราบปราม กก.1 บก.ป ได้นำตัวพระธงชัย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตเงินทอนวัด และร่วมกันฟอกเงินอุดหนุนโครงการศูนย์กลางเผยแพร่พระพุทธศาสนา และโครงการของสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงฯของวัดสระเกศ รวม 63,700,000 บาท มายื่นคำร้องขอฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.-10 มิ.ย.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องรอสอบปากคำพยานอีก 20 ปาก และรอผลการตรวจพิมพ์ลายนิ้วมือจากกองทะเบียน ประวัติของ สตช.
เปิดคำฟ้องแก๊งเดียวกับอดีต ผอ.พศ.
สำหรับคำร้องฝากขัง ระบุพฤติการณ์สรุปว่า ผู้ต้องหาร่วมกับนายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ.กับพวก ซึ่งเป็นฆราวาส และพระ ในการโอนเงินและซุกซ่อนเงินที่ได้จากการกระทำ ด้วยการโอนเงิน ที่ได้เบิกถอนเงินจากบัญชีเงินฝากทั้ง 2 โครงการจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาวงเวียนโอเดียน ใน 2 บัญชี รวม 32 ครั้งให้แก่กลุ่มฆราวาสที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องไปโดยทุจริต โดยมีการขอหมายจับจากศาลอาญาคดีทุจริตฯ เมื่อวันที่ 23 พ.ค.61
ขณะที่ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวน ได้คัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากมีเอกสารจำนวนมากอยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหา เกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้พฤติการณ์ของผู้ต้องหามีการกระทำเป็นขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ อีกทั้งคดีมีอัตราโทษจึงเกรงว่า
พนักงานสอบสวนค้านปล่อยชั่วคราว
เวลา 16.30 น.ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์ พิจารณาคำร้องฝากขัง ซึ่งได้อ่านรายละเอียดให้ผู้ต้องหาและทนายความฟังแล้ว แจ้งให้พนักงานสอบสวน ผู้ร้อง และผู้ต้องหากับทนายความทราบว่า มีประเด็นต้องพิจารณาว่า มีความจำเป็นเรื่องการฝากขังผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 และ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 6 หรือไม่ ปรากฏว่า ทนายความได้แถลงคัดค้านการฝากขังโดยอ้างว่า จากการนำเสนอข่าวของสื่อต่างๆ ทราบว่า พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้วจึงไม่จำเป็นต้องยื่นคำร้องฝากขังผู้ต้องหาอีก
ด้าน พ.ต.ท.สัณห์เพ็ชร พนักงานสอบสวน ได้แถลงยืนยัน การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ยังมีเหตุจำเป็นต้องสอบปากคำพยานอีก 20 ปาก ซึ่งเกี่ยวข้องการเส้นทางการเงินและการกระทำผิดของกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งเป็นพระวัดพระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ , ราชบุรี , ขอนแก่น และนครศรีธรรมราช โดยจะเร่งดำเนินให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ทนายวืดศาลไม่ให้ประกัน "พระธงชัย"
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พนักงานสอบสวนยังมีความจำเป็นต้องสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องอีก จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาเป็นเวลา 12 วันตามคำร้อง
ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการฝากขังแล้ว ในเวลา 17.00 น.เศษ ขณะที่ "พระธงชัย" ก็ถูกควบคุมตัวจากห้องห้องเวรชี้ ไปยังห้องควบคุมชั้นล่างของศาล เพื่อรอฟังคำสั่งขอประกันตัว ซึ่งทนายความได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 1 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฝากขัง
กระทั่งเวลา 18.00 น.เศษ ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า คดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์การกระทำความผิดส่งผลกระทบต่อศรัทธาของพุทธศาสนิกชน มีลักษณะการกระทำเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่ยักย้ายเงินที่ได้มาให้แก่พวกของผู้ต้องหาและบุคคลภายนอกหลายรายการ จึงอาจมีพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหากับพวก และหลังจากศาลออกหมายจับผู้ต้องหาแล้วหลบหนี
ดังนั้น หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวแล้วเชื่อว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ที่จะเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของเจ้าพนักงาน เพราะอาจจะหลบหนีได้ อีกทั้งพนักงานสอบสวนก็คัดค้านการปล่อยชั่วคราว ส่วนอาการเจ็บป่วยของผู้ต้องหานั้น ตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ให้มีการอนุญาตส่งตัวไปรักษาตัวนอกเรือนจำได้อยู่แล้ว ดังนั้นในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้องของผู้ต้องหา
สึก "พระธงชัย" คตร.ส่งตัวเข้าห้องขัง
ด้านทีมทนายความ กล่าวว่า ในวันที่ 31 พ.ค.จะมายื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวของศาลอาญาคดีทุจริตฯ ต่อศาลอุทธรณ์พิจารณาต่อไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ได้ดำเนินการให้พระธงชัย ดำเนินการสละสมณเพส โดยให้ใส่เสื้อขาว กางเกงสีขาว ก่อนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวพระธงชัยขึ้นรถไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไปโดย พระธงชัยนั่งอยู่กับพื้นรถเห็นเพียงศีรษะลางๆ เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการพิจารณาฝากขัง ก็มีเจ้าหน้าที่จากสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มาร่วมฟังการพิจารณาด้วย โดยไม่มีการนำพระภิกษุชั้นผู้ใหญ่มาเพื่อทำสึกพระ โดยเจ้าหน้าที่ พศ. แจ้งว่า เมื่อศาลอนุญาตฝากขังแล้ว และหากไม่อนุญาตให้ "พระธงชัย" ผู้ต้องหา ประกันตัวระหว่างฝากขัง กระบวนการก็จะต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.สงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 30 "เมื่อจะต้องจำคุก กักขัง หรือขังพระภิกษุรูปใดตามคำพิพากษา หรือคำสั่งของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำพิพากษา หรือคำสั่งของศาลมีอำนาจดำเนินการให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศเสียได้ และให้รายงานให้ศาลทราบถึงการสละสมณเพศนั้น
แฉเบื้องหลังพระธงชัยทุจริตเงินทอน
สำหรับอดีตพระพรหมสิทธิ หรือปัจจุบันคือนายธงชัย ถือเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่รูปที่ 6 ที่ถูกจับในคดีฟอกเงินทอนวัด ร่วมกับผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศอีก 3 รูปซึ่งขณะนี้ผู้ช่วยเจ้าอาวาสทั้ง 3 รูปถูกคุมขังในเรือนจำร่วมกับฆราวาส 4 คนก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) สืบสวนสอบสวนพบการทุจริตเงินทอนวัดล็อต 3 ที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหารได้รับงบประมาณโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรมในปี 2557 จำนวน 10 ล้านบาท และงบประมาณเผยแผ่พระพุทธศาสนากว่า 70 ล้านบาท
โดยพบว่าเงินงบประมาณ 70 ล้านบาทที่เสนอขอจากสำนักงานพระพุทธศาสนา 2 ครั้งคือ 32 ล้านบาทและ 37 ล้านบาท โดยเงินก้อน 32 ล้านบาท พบว่ามีการโอนเงินก้อนใหญ่จำนวน 25 ล้านบาทให้ น.ส.นุชรา สิทธินอก แม่บ้านนายทหารสังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย และอีก 5 ล้านบาทโอนให้กับนายธีรพงศ์ พันธ์ศรี ลูกศิษย์วัดคนสนิท แต่จากนั้นเงินทั้ง 32 ล้านบาทถูกโอนกลับมาให้พระพรหมสิทธิ โดยไม่ได้นำเงินไปใช้จ่ายตามโครงการที่เสนอกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแต่อย่างใด
ราชทัณฑ์เตรียมห้องขังรับ"นายธงชัย"
ด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงการเตรียมมาตรการควบคุมอดีตพระพรหมสิทธิ หรืออดีตเจ้าคุณธงชัย ว่า ในวันแรกจะต้องถูกควบคุมในแดนแรกรับ หรือแดน 1 ก่อน เพื่อให้ผู้ต้องขังเข้าใหม่มีโอกาสปรับตัวและเรียนรู้ระเบียบข้อบังคับของเรือนจำ อย่างไรก็ตามอดีตพระที่ถูกส่งเข้ามาในเรือนจำ ถือว่าเป็นเพื่อนมนุษย์และยังเป็นผู้ต้องขังสูงอายุที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดี ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญถือว่าบุคคลเหล่านี้ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ เรือนจำจะไม่ให้ทำกิจกรรมมากนัก เพราะผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในการต่อสู้คดี
"ผู้ต้องขังใหม่หลายๆคนแม้ถอดผ้าเหลืองไปแล้วแต่ มีความประสงค์ที่จะปฎิบัติธรรมถือศีล 5 ศีล 8 งดอาหารเย็นเหมือนที่เคยปฎิบัติมาทางเรือนจำก็พร้อมอนุโลมให้ เช่นเดียวกันกับผู้ต้องหาที่นับถือศาสนาอิสลาม เพราะที่ผ่านมาทางเรือนจำก็ให้ประกอบศาสนกิจโดยการทำละมาด ถือมาการทำกิจกรรมทางศาสนาใดๆ ก็ตามถือเป็นสิ่งที่ดี" อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่า สำหรับการดูแลอดีตพระเถระชั้นผู้ใหญ่นั้นทางเรือนจำได้ให้หมอเข้าไปดูแลสุขภาพ และเปิดโอกาสให้ลูกศิษย์เข้าเยี่ยมตามเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีบางรายต้องใช้เวลาในการสู้คดีมากว่า 5-10 ปี จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาจนถึงที่สุด แล้วจึงค่อยจัดลำดับชั้นนักโทษต่อไป
ตร.กดดันหนัก 'พระจำนงค์' มอบตัว
รายงานข่าวหลังจากเจ้าหน้าที่กองปราบฯ กดดันอดีตพระพรหมสิทธิ หรีอนายธงชัย จนยอมเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่กองปราบฯแล้วยังเหลือพระผู้ต้องหาอีก 1 รูปคืออดีตพระพรหมเมธี หรือพระจำนงค์ ธมฺมจารี อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ซึ่งถูกถอดสมณศักดิ์ไปแล้วเช่นกัน โดย พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป.นำกำลังร่วมกับ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป.เร่งกดดันให้ทางอดีตพรหมเมธี หรือพระจำนง ผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัดรายสุดท้าย ที่ยังคงหลบหนีอยู่ให้รีบตัดสินใจเข้ามอบตัวเพื่อรับทราบข้อหา ก่อนจะถูกติดตามจับกุม
โดยก่อนหน้านี้ทาง บก.ป.ได้ทำหนังสืออายัดตัวญาติโยมคนสนิทของพระพรหมเมธี หรือเจ้าคุณจำนงค์ ซึ่งเป็นชายไทย 1 คน หญิงไทย 1 คน และหญิงชาวลาว 1 คน รวม 3 คน โดยประสานไปยังด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทั่วประเทศ หลังจากเชื่อว่าทั้งหมดน่าจะมีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับการพาพระผู้ใหญ่รายนี้หลบซ่อนตัว และหลบหนีคดี
โปรดเกล้าฯถอดถอนสมณศักดิ์7รูป
ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) พุทธมณฑล จ.นครปฐม นายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้อำนวยหารสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม รองโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้แถลงภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ว่า ที่ประชุม มส.ได้รับทราบประกาศราชกิจจานุเบกษา ในการที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯให้ถอดถอนสมณศักดิ์ จำนวน 7 รูป ดังนี้
1.พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขโข) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 2.พระพรหมเมธี (จำนง เอี่ยมอินทรา) วัดสัมพันธวงศาราม 3.พระพรหมดิลก (เอื้อน กลิ่นสาลี) วัดสามพระยา 4.พระราชอุปเสนาภรณ์ (สังคม สังฆะพัฒน์) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 5.พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด วงศ์ชะอุ่ม) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 6.พระอรรถกิจโสภณ (สมทรง อรรถกฤษณ์) วัดสามพระยา 7.พระศรีคุณาภรณ์ (บุญทวี คำมา) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ยกเว้นลำดับที่ 3, 5, 6 และ 7 ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2561 ซึ่งเป็นวันที่ถูกจับและสละสมณเพศ ประกาศ ณ วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2561 เป็นปีที่ 3 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
สั่งปลด 3 พระเภระพ้นกรรมการ มส.
นายสิปป์บวร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุม มส.ยังได้รับทราบถึงพระบัญชาสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ให้กรรมการ มส.ทั้ง 3 รูป ประกอบด้วย 1.พระพรหมดิลก 2.พระพรหมสิทธิ 3.พระพรหมเมธี พ้นจากตำแหน่งกรรมการ มส. รวมทั้งยังมีมติให้พระพรหมสิทธิ พ้นจากตำแหน่งประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศด้วย
ขณะที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก กรรมการ มส.ยังได้เสนอแต่งตั้งพระเทพวิสุทธิโมลี (พรหมา สปฺปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาส อายุ 76 พรรษา 56 รองเจ้าคณะภาค 10 เป็นรักษาการเจ้าคณะภาค 10 แทนพระพรหมสิทธิ
สำหรับตำแหน่งเจ้าคณะกรุงเทพมหานครที่ว่างลงนั้นสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการ มส.ได้แจ้งให้ มส.รับทราบถึงการแต่งตั้งให้พระธรรมสุธี (นรินทร์ นรินฺโท) เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง รองเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เป็นรักษาการเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้ สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตโต) เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ปฏิบัติหน้าที่เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต ได้แจ้งให้ มส.ได้รับทราบถึงการแต่งตั้งพระพรหมมุนี (สุชิน อคฺคชิโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิตสถิตมหาสีมาราม เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เจ้าคณะภาค 14-15 (ธรรมยุต) เป็นรักษาการเจ้าคณะภาค 4-5-6-7 แทนพระพรหมเมธี ด้วย
ลุ้น 10 มิ.ย.ตั้งเจ้าอาวาส 2 วัดดัง
สำหรับเรื่องการแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และวัดสามพระยานั้น ขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งโดยให้รองเจ้าวาส หรือผู้ช่วยเจ้าอาวาส ตามลำดับลง มาปฏิบัติดูแลความเรียบร้อยภายในวัดไปก่อน ซึ่งต้องรอดูการประชุมมหาเถรสมาคมรครั้งต่อไปว่าทางเจ้าคณะปกครองจะเสนอรูปใดมาทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาสแทน
ส่วนเรื่องของการตั้งกรรมการ มส.ที่ว่างลงต้องเป็นพระอำนาจของสมเด็จพระสังฆราช จะพระวินิจฉัยว่า รูปใดจะมีความเหมาะสมให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ มส.โดยปัจจุบันกรรมการ มส.มี 2 ประเภท คือ โดยตำแหน่งจะเป็นสมเด็จพระราชาคณะและมาจากการสรรหา ซึ่งก็จะเป็นพระอำนาจของสมเด็จพระสังฆราช" ผอ.สำนักเลขาธิการ มส.กล่าว
นายสิปป์บวร กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีการจับกุมหรือดำเนินคดีเกี่ยวกับพระสงฆ์นั้นขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเรื่องของการลงโทษเจ้าหน้าของ พศ.ที่ทุจริตเงินทอนวัดนั้นตนไม่ทราบขอให้เป็นการพิจารณาของผู้บริหาร พศ.ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) วันที่ 10 มิถุนายน 2561 ต้องจับตาดูว่าจะมีการแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสทั้งสองวัดหรือไม่ คือ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และวัดสามพระยา หรือไม่และพระเถระรูปใดจะขึ้นเป็นเจ้าอาวาสองค์ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี