6 มิ.ย.61 นายสัตวแพทย์(น.สพ.) สรวิศ ธานีโต รักษาการอธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า กรมปศุสัตว์มีนโยบายปราบปรามการใช้สารเร่งเนื้อแดงทั้งระบบ โดยเฉพาะในสุกรและโคขุนมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สถานการณ์ปัจจุบันมีการใช้สารเร่งเนื้อแดงลดน้อยลงอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากเมื่อปี 2557 พบสารเร่งเนื้อแดงในปัสสาวะสุกร ร้อยละ 3.5 ขณะที่ปี 2560 ที่ผ่านมา พบร้อยละ 0.7
ทั้งนี้ เพื่อให้เนื้อสัตว์ของไทยปลอดจากสารเร่งเนื้อแดงอย่างแท้จริง รวมทั้งเป็นการยกระดับมาตรฐานการผลิตและจำหน่ายเนื้อสัตว์ปลอดภัย (Food Safety) สู่ผู้บริโภค กรมปศุสัตว์จึงตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาการใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งมีหน้าที่วางแผนและขับเคลื่อนการปฏิบัติงาน กำหนดรูปแบบการปราบปรามการใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงสัตว์ ทั้งการลักลอบการนำเข้าเคมีภัณฑ์ การผสมสารดังกล่าวในอาหารสัตว์ที่โรงงานผลิตอาหารสัตว์ ที่ฟาร์มสุกร และที่ฟาร์มโคขุน ตลอดจนการตรวจสอบที่โรงฆ่าสัตว์ และสถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์
“หลังจากนี้การปราบปรามสารเร่งเนื้อแดง จะดำเนินการอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น หากมีการกระทำความผิด ฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ หรือฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ มีโทษหนักทั้งจำคุก หรือปรับเงินในอัตราสูง หรือทั้งจำทั้งปรับ ขอเตือนผู้ที่ยังทำผิดอยู่ขอให้หยุดการกระทำในทันที ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” น.สพ.สรวิศ กล่าว
น.สพ.สรวิศ กล่าวด้วยว่า สำหรับโรงงานอาหารสัตว์และฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ผู้ใดผลิต-นำเข้า-ขาย หรือใช้อาหารสัตว์ที่ใช้สารเร่งเนื้อแดง ซึ่งเป็นวัตถุที่ห้ามใช้ผสมในอาหารสัตว์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามบทลงโทษของกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ สำหรับผู้ที่พบเห็นการกระทำผิดโปรดแจ้งเบาะแสผ่าน Application “DLD 4.0” สามารถดาวน์โหลดและติดตั้งได้ทั้ง App Store และ Google play
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี