ดร.อาทิตย์ เปิดเอกสารแฉ บริษัทจากต่างชาติแอบมาขอจดสิทธิบัตรสารสะกัดจาก 'กัญชา' ตั้งแต่ปี 2553 ทั้งที่ยังอยู่ในบัญชียาเสพติดห้ามใครครอบครอง แต่กรมทรัพย์สินทางปัญญาของไทยกลับอนุมัติให้หน้าตาเฉย ลั่นแบบนี้ขายชาติกันไปเลยดีไหม
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์เฟซบุ๊กแจ้งความไม่ชอบมาพากล หลังพบว่า บริษัทยาจากต่างประเทศ ได้มาขอจดสิทธิบัตรสารสะกัดจากกัญชาในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2553 และ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ก็อนุมัติสิทธิบัตรดังกล่าว ทั้งที่ในช่วงเวลาดังกล่าวกัญชายังอยู่ในบัญชียาเสพติด ไม่มีใครสามารถครอบครองได้ โดย ดร.อาทิตย์ ระบุไว้ดังนี้
“เรื่องอย่างนี้ คสช ใช้ ม. 44 เพื่อชาติ ประชาชนบ้าง ไม่ได้เหรอ แทนที่จะใช้พร่ำเพรื่อไร้สาระอย่างอื่น
เรื่องความคืบหน้าเกี่ยวกับกัญชา
เรื่องที่ 1 ทราบจากวงในของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่า พระราชบัญญัติประมวลยาเสพติดใหม่ จะเข้าวาระที่ 1 ในสัปดาห์หน้า แต่วาระที่สอง มีแนวโน้มว่าจะอีกยาว เพราะดูเหมือนมีผู้มีอิทธิพลใน สนช. ไม่เห็นด้วยกับประมวลนี้ในหลายประเด็น เพราะกฎหมายนี้มีถึง 180 มาตรา และยังไม่มีธงชัดเจนว่า จะให้เร่งรัด
ข้อที่ 2 องค์การเภสัช ได้เอาเอกสารมาแสดงในที่ประชุมว่า บริษัทยาต่างประเทศ ได้จดทะเบียนสิทธิบัตร สารสกัด จากกัญชา ตั้งในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2553 แล้ว ทั้งๆที่ไม่น่าจะสามารถจดทะเบียนได้ แต่ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ก็อนุมัติให้จดไปแล้ว และบอกว่าไม่สามารถจะเพิกถอนได้ อยากได้ความเห็นจากนักกฎหมายเรา ที่ศึกษาเรื่องกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาของ พันธุ์พืช สมุนไพร และเรื่องยาเสพติดว่าไม่อนุญาตให้ใช้ให้ทดลอง แต่ทำไมถึงจดทะเบียน สารสกัดกว้างๆ ครอบคลุมไปหมดแล้วตั้งแต่ 2553 เราจะต้องแก้ไขอย่างไร
เรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างนี้ ทางราชการและรัฐบาลไม่สนับสนุนให้ชัดเจนจริงจัง กลับไปปกป้องผลประโยชน์ต่างชาติมากกว่า อย่างนี้ชาติไม่พังเหรอ
อย่างนี้ ขายชาติไปให้หมด รู้แล้วรู้รอดไป”
ขณะที่วันเดียวกัน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ก็ได้มาโพสต์ข้อความถึงเรื่องดังกล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องนี้ถือเป็นตลกร้ายของประเทศไทย เพราะเมื่อปี 2553 มีการยินยอมให้บริษัทยาต่างประเทศได้จดทะเบียนสิทธิบัตรสารสกัดจากกัญชา ตั้งในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งเป็นที่น่า เคลือบแคลงสงสัยว่า อาจเป็นการจดสิทธิบัตรโดยมิชอบหรือไม่? ด้วยเหตุผลดังนี้
1.กัญชาเป็นพืชประจำถิ่นที่ใช้มาหลายร้อยปีในดินแดนแห่งนี้ และโรคลมบ้าหมูก็มีวิธีการใช้กัญชาอยู่ในคัมภีร์แพทย์แผนไทยมาก่อนอยู่แล้ว
2.ช่วงที่จดสิทธิบัตร กัญชายังอยู่ในบัญชียาเสพติด ไม่สามารถครอบครองได้ แล้วปล่อยให้ขึ้นทะเบียนได้อย่างไร?
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี