วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568
จากสภาวะสังคมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยกระแสวัตถุนิยมและความฟุ่มเฟือย จนทำให้คนไทยหลงเดินทางผิดไปตามกระแสนิยมจนกลายเป็นปัญหา โดยเฉพาะปัญหาหนี้สินที่ไม่มีวันจบสิ้น การทำบัญชีหรือการจดบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับเงื่อนไขปัจจัยในการดำรงชีวิตของตัวเองและภายในครอบครัว กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จึงส่งเสริมครูบัญชีอาสา ให้เป็นแกนนำสร้างเครือข่าย ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับเกษตรกรในชุมชน ให้รู้จักการทำบัญชีครัวเรือน เพราะเป็นสิ่งสำคัญ ที่ถือเป็นเครื่องมือที่สามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่เพียงทำให้ทราบรายรับ-รายจ่าย และข้อมูลทางการเงินเท่านั้น แต่ข้อมูลทางบัญชีสามารถนำมาเป็นข้อมูลในการตัดสินใจและการพัฒนาในด้านต่างๆ ให้ผู้ทำบัญชีสามารถดำรงชีวิตได้อย่างประสบความสำเร็จ
.jpg)
นายโอภาส ทองยงค์
นายโอภาส ทองยงค์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ให้การส่งเสริมให้มีครูบัญชีอาสาทั่วประเทศ จำนวน 6,838 คน ซึ่งล้วนเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและมีความเชี่ยวชาญในการประกอบอาชีพด้านการเกษตรควบคู่กับการนำบัญชีไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน จนสามารถนำข้อมูลทางบัญชีไปใช้การวางแผนประกอบอาชีพ และถ่ายทอดองค์ความรู้สู่เครือข่ายในชุมชนให้มีความเข้มแข็ง มีภูมิคุ้มกัน พึ่งพาตนเองได้ เป็นต้นแบบให้เกษตรกรได้ใช้เป็นแนวทางการประกอบอาชีพ
ทั้งนี้ การทำบัญชีถือเป็นรากฐานสำคัญของวิถีชีวิต อย่างน้อยที่สุดคือเป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการวิเคราะห์ข้อมูลทางบัญชีจะส่งผลให้เกิดช่องทางในการออมและเพิ่มรายได้ ซึ่งจะนำไปสู่ความสุขที่เกิดจากความพอเพียงในชีวิตถ้าพี่น้องเกษตรกรรู้จักการทำบัญชี โดยบันทึกบัญชีทุกวันต่อไปการทำอาชีพการเกษตรทุกอย่าง เราจะรู้ความเหมาะสมรู้เวลา รู้ว่าเวลาใดผลิตผลจะขายได้ราคา เวลาใดจะเกิดภัยธรรมชาติบ่อยๆ ก็หยุดปลูกไปทำอย่างอื่นก่อน เมื่อทำบัญชีติดต่อกันจะเห็นทุกอย่างและสามารถกำหนดแผนการประกอบอาชีพและแผนในการดำเนินชีวิต เป็นการสร้างวินัยให้ตนเองและครอบครัว ซึ่งกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ตั้งใจจะส่งเสริมให้มีครูบัญชีเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างเครือข่ายทางด้านบัญชีในชุมชนให้มีความเข้มแข็งมีภูมิคุ้มกัน พึ่งพาตนเองได้ด้วยการทำบัญชีครัวเรือน โดยไม่ได้ยึดเอาจำนวนเป็นหลัก แต่จะมุ่งเน้นในเรื่องของคุณภาพ
.jpg)
น.ส.ทองใส สมศรี
ด้าน น.ส.ทองใส สมศรี ครูบัญชีอาสา อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ผู้ที่นำการทำบัญชีครัวเรือนมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันและช่วยวางแผนในการทำเกษตรจนประสบความสำเร็จ จนได้รับเลือกให้เป็นครูบัญชีอาสาของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ บอกว่า อดีตเคยทำเกษตรเคมี แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ยิ่งทำก็มีแต่ปัญหาหนี้สินตามมา จึงเปลี่ยนมาทำการเกษตรแบบอินทรีย์ ดำเนินชีวิตแบบพอเพียงและน้อมนำเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาปรับใช้ โดยเริ่มจากการหาความรู้เข้าอบรมตามโครงการพระราชดำริ แล้วนำกลับมาปฏิบัติ โดยทำการปลูกพืชหลายอย่าง ทั้งทำนา ทำสวนโดยเน้นสวนผลไม้เป็นหลัก ซึ่งมีพื้นที่สวนทั้งหมด 10 ไร่ ปลูกมังคุด เงาะ ทุเรียน ลองกอง และปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ผสมผสานในสวนผลไม้ โดยเบื้องหลังความสำเร็จไม่เพียงแต่การทำสวนแบบผสมผสานที่ลดความเสี่ยงในเรื่องการปลูกพืชเชิงเดี่ยว และการทำสวนแบบอินทรีย์สามารถลดต้นทุนได้มากเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำบัญชี เพราะเมื่อมีการทำบัญชีจะทำให้รู้ว่าเราลงทุนไปกับอะไรบ้าง บางอย่างก็เป็นการจ่ายที่ไม่จำเป็น ใช้ชีวิตในแบบทุนนิยม สังคมกระแส ถ้าเราตามเขามากเราก็เซฟตัวเองไม่ได้ ทำให้รายได้ในแต่ละปีไม่เพียงพอต่อรายจ่าย เมื่อทำบัญชีเราจึงตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป จากที่เคยเป็นหนี้ สามารถใช้หนี้ได้หมดภายใน 4 ปี และสามารถนำระบบบัญชีครัวเรือนมาช่วยวางแผนในการลดต้นทุนการผลิตให้ลงมาเหลือประมาณ 3 หมื่นบาท/ปี ในขณะที่รายได้เพิ่มขึ้น เมื่อหักลบต้นทุนออกแล้ว ยังเหลือกำไรประมาณ 3-4 แสนบาท/ปี
“ปัจจุบันได้รับคัดเลือกให้เป็นประธานศูนย์ ศพก. และเป็นประธานแปลงใหญ่มังคุดของ อ.ขลุง รวมถึงเป็นครูบัญชีอาสา โดยก่อนที่จะได้เป็นครูบัญชีนั้น ก็ได้ไปเข้าอบรมกับทางกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จากนั้นก็นำมาแนะนำต่อให้กับสมาชิกให้มีการจดบันทึกค่าใช้จ่ายภายในครัวเรือน และจดบันทึกต้นทุนด้านการทำเกษตร ปัจจุบันมีสมาชิกเครือข่ายบัญชี จำนวน 82 คน สามารถทำบัญชีได้แล้ว 50 คน ส่วนที่เหลือยังทำไม่คล่อง เนื่องจากเป็นผู้สูงอายุ โดยสิ่งที่ได้จากการทำบัญชี จะบอกให้เรารู้ว่าในตลอดทั้งปีที่ผ่านมาเราได้มีการลงทุนอะไรไปบ้าง และมีผลกำไรอะไรงอกเงยขึ้นมาบ้าง ทำให้ประเมินค่าใช้จ่ายได้ สำหรับเกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกรที่ยังไม่เคยทำบัญชียังไม่รู้จักการทำบัญชี ลองปรึกษากรมตรวจบัญชีสหกรณ์เพื่อเรียนรู้การทำบัญชีครัวเรือน เริ่มจากการจดบัญชีไว้ในใจเป็นลำดับแรกและมาจดในสมุดบัญชีรายรับ-รายจ่าย แยกให้ทุกช่องแล้วมาลบหักเหลือ จะรู้ว่าเดือนหนึ่งๆเราจะมีเงินเหลือเท่าไร เงินใช้เท่าไร มันจะรู้โดยอัตโนมัติของมันเอง ยืนยันว่าการทำบัญชีจะเป็นหนทางชี้ทางรวยได้แน่นอน”ครูทองใส กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี