ตามล่า5สมุน‘พรหมเมธี’
แก๊งช่วยพาหนี
ร่อนหมายจับทั่วประเทศ
ผบช.สตม.บินกลับถึงไทย
ยังไม่ได้ตัวอดีตพระฉาว
เตรียมเรียกสอบอีก20ปาก
เอี่ยวเงินทอนวัดสระเกศ
กองปราบฯร่อนหมายจับ 5 ผู้ต้องหาช่วย“อดีตพระพรหมเมธี”เข้าระบบตรวจคนเข้าเมือง พร้อมจับทันทีหากพบกลับเข้าประเทศ เตรียมเรียกสอบอีก 20 ปาก พัวพันคดีเงินทอนวัดสระเกศฯ คาดสรุปสำนวนส่งอัยการฟ้องได้ในต้นเดือนหน้า ขณะที่
พระพรหมสิทธิ”ถูกนำตัวส่ง รพ.ราชทัณฑ์ หลังมีเลือดออกที่ดวงตา
ความคืบหน้าในการนำตัวอดีตพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีทุจริตเงินทอนวัด ซึ่งหลบหนีคดีไปยื่นขอลี้ภัยที่ประเทศเยอรมนี และอยู่ระหว่างการประสานงานจากทางการไทยได้ขอความอนุเคราะห์ให้ทางการเยอรมันใช้เวลาพิจารณาอย่างเร่งด่วน ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลภายใน 3 วัน ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น ล่าสุดแหล่งข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เปิดเผยว่า ยังไม่สามารถนำอดีตพระพรหมเมธีกลับมาได้ เพราะติดปัญหาข้อกฎหมายที่ได้ยื่นลี้ภัย จึงต้องรอขั้นตอนกระบวนการขั้นตอนทางกฎหมายที่ประเทศเยอรมัน ที่คาดว่าต้องใช้เวลานานถึง 2 เดือน
ผบช.สตม.กลับไทยมือเปล่า
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าช่วงบ่ายวันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ผบช.สตม.) ซึ่งอยู่ประสานงานที่เยอรมัน ได้เดินทางกลับจากเมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมันแล้ว หลังจากที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เดินทางกลับมาก่อนเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ที่ผ่านมา และให้ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ พร้อมคณะ ประสานงานกับทางประเทศเยอรมนี เพื่อขอรับตัวอดีตพระพรหมเมธีกลับประเทศไทย แต่ปรากฏว่าการเดินทางกลับของ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ ก็ยังไม่มีอดีตพระพรหมเมธีกลับมาพร้อมกันด้วยเช่นเดียวกัน
แจ้งสกัดจับ5ผู้ต้องหาช่วยหนี
พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม(ผบก.ภ.จว.นครพนม) เปิดเผยความคืบหน้าหลังศาลจังหวัดนครพนมออกหมายจับ นางศศิร์อร เจียมวิจิตรกุล หรือ สีกาจุ๋ม กับพวกรวม 5 คน ที่ช่วยอดีตพระพรหมเมธี หลบหนีคดีออกนอกประเทศว่า ได้ประสานงานและแจ้งสกัดจับไปทั่วประเทศแล้ว โดยหากพบเห็นผู้ต้องหาสามารถเข้าจับกุมได้ทันที แต่คาดว่าอาจจะมีการขอเข้ามามอบตัวเอง
รวบทันทีหากเดินทางกลับไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนของตำรวจภูธรจังหวัดนครพนมได้จัดกำลังออกติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยมีชุดสืบสวนของกองปราบปรามให้การสนับสนุน โดยในส่วนของ นางศศิร์อร ที่เดินทางออกไปยังประเทศอังกฤษก่อนที่จะถูกออกหมายจับนั้น ชุดสืบสวนได้ประสาน สตม. ให้นำหมายจับใส่เข้าไปในระบบตรวจคนเข้าเมืองแล้ว หากเดินทางกลับเข้ามาก็จะดำเนินการจับกุมและควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ได้ทันที ส่วน นายพีรวิช ศรีศรัทธา คนขับรถของอดีตพระพรหมเมธีนั้นยังคงหลบหนีและยังไม่มีรายงานว่าเดินทางออกนอกประเทศ
ขณะที่ 3 ผู้ต้องหาชาวลาว ประกอบด้วย นางจันตะนา ลัตตะนะวง, นางจิตติมา ลัดตะนะวง และ นายน้อย ลัดตะนะวง ทาง สตม.ก็ได้นำหมายจับใส่เข้าระบบและขึ้นบัญชีเป็นบุคคลเฝ้าระวังแล้ว หากเดินทางเข้ามาในประเทศไทยก็จะถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกัน
ด่านพรมแดนไทยลาวตรวจเข้ม
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บริเวณด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทยลาว แห่งที่ 3 นครพนม–คำม่วนว่า เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง คุมเข้มตรวจสอบการเดินทางของประชาชน นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าออกบริเวณด่าน ป้องกันผู้ต้องหาใช้เป็นช่องทางหลบหนีออกนอกประเทศ หลังอดีตพระพรหมเมธีเคยใช้ช่องทางดังกล่าวหลบหนีไป
ตร.เร่งรวมหลักฐานคดีเงินทอนวัด
ในส่วนของการรวบรวมพยานหลักฐานในคดีทุจริตเงินทอนวัดนั้น ทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.)ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามเร่งรัดการรวบรวมพยานหลักฐานในการเอาผิดกับผู้ต้องหาทั้งหมดอย่างเร่งด่วนและรัดกุม หลังจากที่เมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้นำตัวผู้ต้องหาฝากขังเป็นครั้งที่สองไปแล้ว มีกำหนดเวลา 12 วัน
จ่อเรียกสอบ20ปากรับโอนเงิน
ทั้งนี้ มีรายงานว่าจากการที่ชุดสืบสวนได้เข้าตรวจค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมในส่วนของวัดสระเกศวรมหาวิหาร และได้ยึดเอกสารมาจำนวนมากนั้น เมื่อตรวจสอบดูแล้วพนักงานสอบสวนกำลังพิจารณาเรียกพยานบุคคลมาสอบปากคำอีกอย่างน้อย 20 ปาก ส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่ได้รับเงินที่โอนมาจากบัญชีของวัดและบัญชีส่วนตัวของ อดีตพระพรหมสิทธิ อดีตเจ้าอาวาสฯ ซึ่งคำให้การจะเป็นหลักฐานสำคัญในการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา โดยในส่วนของวัดสระเกศฯ นั้นถือว่าเป็นผู้ต้องหากลุ่มใหญ่ที่สุดและมีเส้นทางการเงินที่ซับซ้อนกว่าวัดสามพระยาวรวิหาร และวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร
คาดส่งสำนวนให้อัยการ ก.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อปรากฏพยานเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก พนักงานสอบสวนของคดีในส่วนของวัดสระเกศฯ จึงอาจจะต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานมากกว่าวัดอื่นๆ ซึ่งคาดว่าสำนวนการสอบสวนของทั้งสามวัดที่เกี่ยวข้องกับคดีเงินทอนนั้นจะสามารถส่งให้กับอัยการได้หลังการฝากขังอีก 2 ผัดหรือสรุปสำนวนได้ราวต้นเดือนกรกฎาคมนี้ อย่างไรก็ตามหากพบว่าพยานที่เรียกมาสอบนั้นรู้เห็นเกี่ยวกับการกระทำความผิดหรือไม่สามารถชี้แจงเส้นทางทางการเงินได้ก็อาจจะถูกพิจารณาดำเนินคดีด้วย
ไม่กระทบแม้ไร้ตัวผู้ต้องหา
ทั้งนี้ แม้ว่าขณะนี้ตำรวจจะยังไม่สามารถจับกุมตัวอดีตพระพรหมเมธี มาดำเนินคดีได้ก็ไม่เป็นปัญหาและไม่กระทบต่อสำนวน เพราะพนักงานสอบสวนสามารถที่จะสรุปสำนวนส่งให้กับอัยการพิจารณาไปก่อนได้แม้จะไม่มีตัวผู้ต้องหา และหากจับกุมตัวได้ภายหลังก็สามารถควบคุมตัวมาสอบสวนแจ้งข้อหาและดำเนินการส่งอัยการตามขั้นตอนของกฎหมายได้ต่อไป
ส่ง“อดีตเจ้าคุณธงชัย”เข้ารพ.
เมื่อเวลา 15.40 น. วันเดียวกัน นายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงอาการป่วยของอดีตพระผู้ใหญ่ในคดีเงินทอนวัด ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายธงชัย สุขโข หรือ อดีตพระพรหมสิทธิ หรืออดีตเจ้าคุณธงชัย อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ได้ทำกิจวัตรประจำวันส่วนตัว ทั้ง อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันเสร็จแล้ว ปรากฎว่าพบเลือดออกที่ลูกตาด้านขาว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัว อดีตพระพรหมสิทธิ ส่งโรงพยาบาลราชทัณฑ์เพื่อให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุ
แพทย์เผยเส้นเลือดฝอยในตาแตก
โดยแพทย์ระบุว่ามีอาการอักเสบเล็กน้อย อาจเกิดจากเส้นเลือดฝอยในดวงตาแตกตามปกติที่มีการขยี้ตา ไม่น่าเป็นห่วง ซึ่งภายหลังการตรวจ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้คุมตัวกลับมายังเรือนจำแล้ว ส่วนในด้านการปรับตัวพบว่า อดีตพระพรหมสิทธิ ปฏิบัติภารกิจประจำวันได้เช่นเดียวกับผู้ต้องหาทั่วไปแล้ว โดยมีคนที่รู้จักเป็นจำนวนมากคอยดูแล
หลวงปู่ไม่น่าห่วง-หมอนัด21มิย.
นายกฤช ยังได้เปิดเผยถึงอาการป่วยของ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ อดีตพระพุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย หลังเข้าตรวจร่างกายอย่างละเอียด ด้วยการส่องกล้องเข้าระบบทางเดินอาหาร เพื่อหาสาเหตุของอาการเลือดออกในทางเดินอาหาร พบว่ามีแผลในกระเพาะอาหารไม่น่าวิตกกังวลมากนัก โดยแพทย์ให้ยามารับประทาน และนัดตรวจในวันที่ 21 มิถุนายน อีกครั้ง โดยต้องทำกายภาพ บำบัดอาการปวดหลังทุกวันๆ ละ 40 นาที
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี