ปปป.บุกวัดธาตุขอนแก่น
ค้นหาหลักฐาน
อดีตผู้อำนวยการโกงเงินทอนวัด
โอน18ล้านถึงวัดล้านเดียว
กัน3เจ้าหน้าที่ไว้เป็นพยาน
ผบ.ตร.บินรับพรหมเมธีอีก
ตำรวจ ปปป.ลงพื้นที่วัดธาตุ จ.ขอนแก่น หาข้อมูลขยายผลคดีทุจริตเงินทอนวัด “พิสิฐชัย” เจอแจ้งข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ “บิ๊กตู่” ตั้งคำถามพระเคลื่อนไหวผ่านโซเชียล เหมาะสมหรือไม่ “บิ๊กป้อม” ยันรัฐบาลไม่เคยกลั่นแกล้งพระ ผบ.ตร.บินด่วน เจรจาขอรับตัว“พรหมเมธี”อีกรอบ กำหนดกลับไทย16มิถุนายนนี้
วันที่ 12 มิถุนายน พ.ต.อ.วรายุทธ สุขวัฒน์ รองผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(รอง ผบก.ปปป.)พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่โรงเรียนวิเวกธรรมประสิทธิ์วิทยา วัดธาตุ พระอารามหลวง ถ.กลางเมือง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น เพื่อขอสอบถามข้อมูลกับ ผอ.โรงเรียนวิเวกธรรมฯ พร้อมรักษาการเจ้าอาวาสวัด และผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น โดยเป็นการลงมาขอข้อมูลในฐานะที่ทางวัดตกเป็นผู้เสียหาย เนื่องจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า งบประมาณกว่า 10 ล้านบาท ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)โอนมาให้กับวัด มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองพระพุทธศาสนา โอนเงินคืนมาเป็นของตนเอง เหลือไว้ให้ทางวัดประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งวัดธาตุเป็นวัดที่มีโรงเรียนพระปริยัติธรรม หรือ โรงเรียนวิเวกธรรมประสิทธิ์วิทยาตั้งอยู่ และเป็นโรงเรียนที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก พศ.
รวมหลักฐานร้องทุกข์กล่าวโทษ
รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาสอบถามข้อมูลกรณีทุจริตครั้งนี้ ประมาณ 2 ชั่วโมง ผอ.โรงเรียนวิเวกธรรมฯ และผู้ที่ถูกสอบปากคำคนอื่นๆ ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริต แต่ผู้ที่ดำเนินการในเรื่องงบประมาณ คือ อดีตผู้อำนวยการกองพระพุทธศาสนา เมื่อปี 2556 ซึ่งถูกย้ายออกนอกพื้นที่ไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ ปปป.ได้มีการสอบปากคำบุคคลในฐานะพยานไปแล้ว 3 ราย ขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ ทางเจ้าหน้าที่จะรวบรวมหลักฐาน เสนอ ผอ.พศ.เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันทุจจริตในครั้งนี้ โดยจะมีการเสนอไปที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานพอสมควร
หิ้ว“พิสิฐชัย”ไปกองปราบ
เวลา 12.30น.ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ และรองโฆษกดีเอสไอ ได้พาตัว นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีภาษีอากร ดีเอสไอ เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. ภายหลังจากที่นายพิสิฐชัยได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับประเด็นการสืบสวนสอบสวนคดีทุจริตงบประมาณของ พศ. หรือคดีเงินทอนวัด ว่าทางตำรวจจะบุกเข้าค้นวัดดังในกรุงเทพฯ 4 แห่ง ซึ่งต่อมา พ.ต.อ.ไพสิฐ วงษ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ได้สั่งให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนจะมีคำสั่งโยกย้าย นายพิสิฐชัย ออกจากตำแหน่งเดิม และให้ไปช่วยราชการที่สำนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ
พงส.สอบปากคำเบื้องต้น
พล.ต.ต.ไมตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะพิจารณาดำเนินคดีกับนายพิสิฐชัยในความผิดข้อหาใดบ้าง ขึ้นอยู่กับทางฝ่ายกฎหมายของ พศ. ที่จะเข้าแจ้งความร้องทุกข์ หลังจากนั้นพนักงานสอบสวน บก.ป.จึงตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ดี เมื่อทาง นายพิสิฐชัย เข้ามาพบพนักงานสอบสวนก็ได้สอบปากคำในเบื้องต้น ก่อนจะพิจารณาว่าการกระทำของนายพิสิฐชัย เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายอาญาข้อหาใดบ้าง ส่วนวัดดังใน กทม.ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ วัดปากน้ำภาษีเจริญ, วัดพิชยญาติการามวรวิหาร, วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร และวัดบวรนิเวศวิหาร ที่ถูกพาดพิงถึงนั้น ยังไม่มีผู้แทนวัดเข้าแจ้งความร้องทุกข์แต่อย่างใด
เมื่อเวลา 13.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.ได้เดินทางมายัง บก.ป.เพื่อร่วมสอบปากคำนายพิสิฐชัย ด้วยตนเอง
แจ้งข้อหาผิดพ.ร,บ.คอมพ์
ต่อมา พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากรณ์ รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา นายพิสิฐชัย ฐานผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯเพียงข้อหาเดียว ซึ่ง นายพิสิฐชัยขอกลับไปทำเอกสารประกอบคำให้การโดยจะส่งกลับเร็วที่สุด เบื้องต้นเจ้าตัวยืนยันว่าเป็นผู้โพสต์ข้อความจริง และเป็นเพียงการกระทำส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับหน่วยงาน กรณีนี้ทำให้อธิบดีดีเอสไอ มีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งเดิม ไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งอื่น เพื่อสะดวกในการตรวจสอบและสามารถกำกับดูแลได้อย่างใกล้ชิด
บิ๊กตู่ให้DSIสอบเจตนาพิสิฐชัย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงคำสั่งให้ นายพิสิฐชัย ไปช่วยราชการที่สำนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษว่า ทุกหน่วยมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ทั้งนี้ก็ให้ไปสอบสวนกันมา ถ้าพบว่าใครมีความผิดก็ต้องลงโทษตามคดีอาญา ส่วนการที่นายพิสิฐชัยโพสต์เรื่องดังกล่าวจะมีเจตนาใดแอบแฝงหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เป็นเรื่องของดีเอสไอที่ต้องสอบสวนให้มีความชัดเจน
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ผ่านสื่อโซเชียลที่ตอบโต้เกี่ยวกับการที่หน่วยงานรัฐตรวจสอบดำเนินการกับคดีที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ว่า คดีที่เกี่ยวกับพระถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงอยากขอให้ทุกคนอย่าไปวิพากษ์วิจารณ์ต่อเรื่องนี้ เพราะพระภิกษุสงฆ์ถือเป็นผู้ที่คนไทยส่วนใหญ่ให้ความนับถือ ดังนั้นเรื่องใดที่เป็นการกระทำความผิด โดยมีหลักฐานยืนยันได้ ก็ต้องมีการดำเนินคดี อย่าไปปลุกกระแส
ถามพระยุ่งการเมืองสมควรหรือไม่
“ขอถามว่าการที่มีพระบางรูปออกมาเคลื่อนไหวผ่านสื่อโซเชียลมีเดียนั้น มันสมควรหรือไม่ พระบางรูปออกมาเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งเรื่องการเลือกตั้ง ก็ให้เป็นไปตามกฎหมาย พระสงฆ์มีหน้าที่ในการบ่มเพาะ สร้างความสุขสงบและความปรองดองในสังคม สอนหลักธรรมตามหลักพระพุทธศาสนา แต่การที่พระมายุ่งเกี่ยวกับการเมืองมากๆ มันใช่กิจของสงฆ์หรือไม่ ผมขอฝากให้สังคมช่วยกันไปดูแล ไม่อาจไปวิพากษ์วิจารณ์อะไรได้แต่ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม หลายคนมาถามผมว่าเรื่องจะบานปลายหรือไม่ ผมคิดว่ามันอยู่ที่ท่านทั้งหลาย ทั้งประชาชน และสื่อโซเชียลมีเดียทั้งหลาย ถ้าอยากให้เกิดความวุ่นวายบานปลาย ก็ให้ทำทุกอย่างตามแบบของตัวเองต่อไป ผมก็มีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ถ้าเกิดความวุ่นวายเมื่อใดก็ตาม หน่วยงานด้านความมั่นคงก็ต้องเข้าไปดูแล” นายกฯ กล่าว
บิ๊กป้อมเมินโซเชียลปลุกม็อบพระ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการติดตามตัวอดีตพระพรหมเมธี อดีตเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัด ว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ยังไม่ได้รายงานความคืบหน้าเข้ามา เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการพูดคุยกันอยู่ ซึ่งยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนกระแสข่าวว่าพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศ แต่ ยังอยู่ในวัดนั้น ตนไม่ทราบ ต้องไปถามคนปล่อยข่าว แต่ส่วนตัวว่าไม่มี
เมื่อถามถึงกรณีมีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กปลุกระดมพระ เณรทั่วประเทศให้ออกมาเคลื่อนไหว โดยอ้างว่ารัฐบาลกลั่นแกล้งทางโซเชียลมีเดีย ฝ่ายความมั่นคงมีการประเมินสถานการณ์อย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่มี ไปกลั่นแกล้งพระเรื่องอะไร ไม่มีเราไม่ได้ทำอะไรเลย พระทำเอง”
บิ๊กจินยันไร้วี่แววธัมมชโยซุกวัด
ด้าน พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงการที่ นพ.มโน เลาหวณิช อดีตศิษย์วัดธรรมกาย ระบุว่า พระธัมมชโย และพระทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ยังหลบซ่อนตัวอยู่ภายในวัดธรรมกาย ว่า มีการติดตามเรื่องนี้เป็นประจำทุกสัปดาห์ และเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา มีการยืนยันว่ายังไม่พบความเคลื่อนไหว แต่จะไปตรวจสอบสอบถามจากเจ้าหน้าที่อีกครั้ง
ผบ.ตร.บินด่วนขอตัว“พรหมเมธี”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้บินด่วนครั้งที่ 2 โดยมี พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. ร่วมเดินทางไปด้วย เพื่อออกติดตาม พระพรหมเมธี โดยออกเดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยสายการบินไทย เที่ยวบิน TG 930 ปลายทางสนามบิน Paris Charles de Gaulle กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งคาดว่าจะไปประสานงานขอความช่วยเหลือจากตำรวจสากล ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส เพื่อให้ช่วยประสานติดตามตัวพระพรหมเมธี หลังจากนั้น อาจจะเดินทางต่อไปนครแฟรงเฟิร์ต ประเทศเยอรมนี เพื่อเจรจาขอตัวพระพรหมเมธี ซึ่งอยู่ระหว่างการยื่นขอลี้ภัยต่อรัฐบาลเยอรมนีกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยให้ได้ โดยมีรายงานว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ จะเดินทางกลับประเทศไทย โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่TG 931 ในวันเสาร์ที่ 16มิถุนายนนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี